Free VPN : ภัยออนไลน์ที่แอบซ่อนมาในรูปแบบของฟรี

Share

Loading

การใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่มีทางปลอดภัยหากไม่รู้จักการระมัดระวังและป้องกันตัวเอง เพราะยิ่งเปิดเผยข้อมูลมากเท่าไหร่ ย่อมเสี่ยงต่อการถูกภัยคุกคามจากอาชญากรไซเบอร์มากขึ้นเท่านั้น นอกจากจะระมัดระวังเรื่องการถูกแฮก และการโดนฟิชชิ่งแล้ว การใช้ VPN ก็จะช่วยหยุดต้นตอการเกิดความเสี่ยงด้วย เรียกว่า ควรบล็อกตั้งแต่ต้นทาง เพื่อไม่ให้แฮกเกอร์เข้ามาแฮกข้อมูลเราได้

ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการ VPN อยู่หลายเจ้า ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องพิจารณาให้ดี เพราะบาง VPN อาจเป็นบริการของแฮกเกอร์สร้างขึ้นเพื่อดักข้อมูลหรือปล่อยมัลแวร์ โดยมักจะมาในรูปแบบ Free VPN หากดาวน์โหลดก็เสี่ยงถูกควบคุมเครื่องโดยที่ไม่รู้ตัวหรือ โฆษณา VPN ใช้งาน Free แต่แอบแฝงค่าใช้จ่ายอื่น เป็นต้น

โดยคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของ VPN จากการวิเคราะห์พบว่า คนเราใช้เวลาเกือบ 197 วันกว่าจะรู้ตัวว่าข้อมูลของตนถูกแฮก ซึ่งนั้นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหล จนเกิดความเสียหายที่รุนแรง

และเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานประมาณ 480.1 ล้านราย ที่ติดตั้ง VPNs ฟรีเพราะคิดว่าจะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีและมีความเป็นส่วนตัวเหมือนกับ VPN ฟีเจอร์ระดับสูงที่ต้องเสียเงินซื้อ แต่กลับพบว่ามีอันตรายซ่อนอยู่ใน Free VPN ที่ตนเองเลือกใช้งาน

อันตรายของ Free VPN มีอะไรบ้าง ?

เสี่ยงติดมัลแวร์และไวรัส สำหรับมือถือที่ดาวน์โหลด Free VPN จะพบว่า 38 % ติดมัลแวร์ แต่เป็นมัลแวร์ที่ไม่อันตรายนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการละเมิดกฎความเป็นส่วนตัวของ Google Play และ Apple App Store โดยจะติดตามกิจกรรมของผู้ใช้งาน ว่ามีการตอบสนองต่อแอปพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างไร

ประวัติการเข้าเว็บไซต์ถูกเปิดเผย

นโยบายการเก็บ Log ของ Free VPN โดยส่วนใหญ่ จะบอกว่า ไม่มีการเก็บ Log แต่แท้จริงแล้ว มีการแอบเก็บ Log และนำข้อมูลของผู้ใช้ไปขายให้คนอื่น เช่น บริษัท E-commerce เพื่อใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงการตลาด เป็นต้น หรือ ส่งข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้, สถานที่ และ/หรือ กิจกรรมออนไลน์ให้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)

โดย ISP ของหลาย ๆ ประเทศจะมีข้อกำหนด สิ่งที่สามารถเก็บได้และไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ ซึ่งการใช้งาน VPN ก็คล้าย ISP แต่ไม่มีข้อกำหนดและระเบียบในการควบคุม บางบริษัท เช่น Express VPN และ Nord พยายามจะทำให้การเก็บข้อมูลมีความโปร่งใสมากขึ้น

มันไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด

เนื่องจากเป็นการรวมกันของแอปพลิเคชั่นการเฝ้าติดตาม, Antivirus, Anti-malware และ Firewall เพื่อป้องกันการโจมตีและข้อมูลรั่วไหล บริษัทที่ให้บริการฟรีส่วนใหญ่มักจะไม่ใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถรักษาความปลอดภัยได้เพียงพอ ดังนั้นก่อนใช้ Free VPN ต้องมั่นใจว่าบริษัทที่เลือก มีการเข้ารหัสมากกว่า 256 บิท มีการอัพเดต firmware เสมอ และซอฟต์แวร์มีการป้องกันข้อมูลรั่วไหล ที่สำคัญมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

อาจทำให้ใช้งาน Service บางอย่างไม่ได้

โดยปกติคนใช้งานอินเทอร์เน็ต ก็จะใช้ในการหาข้อมูล, ส่งอีเมล, ใช้ GPS เพื่อการนำทาง และทราบความเคลื่อนไหวต่าง ๆ แต่มีบริการบางบริการ อาจทำงานไม่ถูกต้องหลังจากการติดตั้ง VPN เช่น มีผู้ใช้รายงานปัญหาการเข้าถึงอีเมล์บน Outlook, แอปพลิเคชั่นบางตัวของไมโครซอฟท์เมื่อมีการติดตั้ง NordVPN และ Private Internet Access: หรือจะเป็น Netflix ที่จะทำการบล็อค IP เสมอถ้าใช้งานผ่าน VPN ทำให้เห็นว่าหลายๆ บริษัทไม่ต้องการใช้ VPN เพื่อกรองโฆษณาและหลบเลี่ยงการติดตาม เพื่อให้พวกเขาได้รับข้อมูลทางการตลาดและสามารถควบคุมการเข้าถึงบริการได้

VPN ส่วนใหญ่จะมีการจำกัด IP Address ดังนั้นบริษัทสตรีมมิ่งจะทำการเพ่งเล็งเมื่อมีการใช้ IP Address เดียวกันจากผู้ใช้นับพัน ทำให้ถูกบล็อกและไม่สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ได้

มันมีโฆษณา

Free VPN จะต้องแลกมาด้วยการเห็นโฆษณา เนื่องจากบริษัทที่ให้บริการ Free VPN ต้องการหารายได้จากโฆษณานั่นเอง ถือว่าเป็นสิ่งก่อกวนแก่ผู้ใช้งานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะใช้ VPN แบบ Premium หรือ แบบชำระเงิน

มีข้อจำกัดในการใช้งาน

บริษัทที่ให้บริการ Free VPN มักจะให้บริการในแบบจำกัด คือ ถ้าต้องการใช้ Feature ที่มากกว่านี้ ต้องอัพเกรดเป็น Premium รวมถึงถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นก้อต้องเพิ่มเงินเช่นกัน

การพิจารณาเลือกใช้บริการ VPN ควรดูความจำเป็นดังต่อไปนี้

– ดู Feature ว่าครบกับความต้องการของเราหรือไม่
– ใช้งานได้กับอุปกรณ์ทุกประเภท
– รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลายพร้อมกันได้
– มีนโยบายการไม่เก็บพฤติกรรมการใช้งาน
– มีจำนวนเซิร์ฟเวอร์มากและมีที่ตั้งหลายแห่ง
– ไม่จำกัดแบนด์วิดท์และความเร็ว
– มีระบบรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ทันสมัย
– ควรมี Support 24 ชม.
– มีการการันตีคืนเงิน

จะเห็นได้ว่าการใช้ Free VPN นั้นข้อเสียหลักๆ คือเรื่องความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ Free VPN ต้องตัดสินใจที่จะแลกความเป็นส่วนตัวกับกับราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งไม่ว่าคิดในด้านไหนก็ไม่คุ้ม ตัวเลือกที่ดีที่สุดอาจต้องเลือกใช้บริการ VPN ที่มีค่าใช้จ่ายและเชื่อถือได้ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลของเรา

ขอขอบคุณแหล่งที่มา :

https://www.catcyfence.com/it-security/article/the-dangerous-of-free-vpn/