กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค-สวทช. เปิดศูนย์เรียนรู้ “เกษตรกรรมยั่งยืนด้วยสมาร์ทฟาร์มแบบพอเพียง” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 และสนองตามพระบรมราโชบายในการ “สืบสาน รักษา และต่อยอด” องค์ความรู้และพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พล.ต.ต.ไพโรจน์ ทานธรรม ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 กล่าวว่า”ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561 – 2580 ได้กำหนดวิสัยทัศน์ประเทศไทยไว้ว่า ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และที่สำคัญที่สุดคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งให้ สืบสาน ต่อยอด โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน เมืองไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำให้ประชาชนในประเทศได้ใช้เป็นแหล่งสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่เลี้ยงชีพและสามารถส่งออกขายต่างประเทศได้
แต่ในยุคปัจจุบันที่ประชากรในประเทศมีจำนวนสูงขึ้น และได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้เกิดการขาดแคลนผู้ใช้แรงงานโดยเฉพาะในด้านเกษตรกรรม แนวคิดการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางด้าน สมาร์ทฟาร์ม (Smart Farm) หรือเกษตรอัจฉริยะ จึงได้ถูกนำมาขยายผลอย่างจริงจัง เพื่อให้ภาคการเกษตรของไทยมีทางออกในการดำเนินงาน หรือแม้แต่ประชากรในยุคอนาคตก็สามารถที่จะทำการเกษตรแบบพอเพียงได้ด้วยตนเองกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 1 จึงได้ขอความร่วมมือจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค – สวทช. ให้ช่วยดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีพร้อมฝึกอบรมครูตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อสามารถนำไปขยายผลให้กับนักเรียน ประชาชน ในพื้นที่ความรับผิดชอบต่อไป”
ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ เนคเทค กล่าวว่า เนคเทค- สวทช. มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน Smart Farm หรือเกษตรอัจฉริยะมานาน โดยระบบที่นำมาถ่ายทอดให้กับ ตชด.ในครั้งนี้เป็นผลงานวิจัยที่ชื่อว่า Handy Sense ระบบเกษตรแม่นยำ ที่นำเทคโนโลยีเซนเซอร์ (sensor) ผนวกอุปกรณ์ไอโอที (Internet of Things) สู่อุปกรณ์ตรวจวัดและควบคุมสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยต่อการเจริญเติบโตของพืชผลตั้งแต่การปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำ การให้ปุ๋ย การป้องกันแมลงรวมทั้งการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น รวมถึงปริมาณแสงอีกด้วย
ระบบ Handy Sense จะทำงานร่วมกัน 2 ส่วน คือ
(1) อุปกรณ์ตรวจวัดและควบคุม
(2) web application
โดย Handy Sense จะตรวจวัดค่าสภาพแวดล้อมที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชผลแบบ เรียลไทม์ผ่านเซนเซอร์ (sensor) ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความชื้นในดินความชื้นสัมพัทธ์ แสง และส่งต่อข้อมูลจากเซนเซอร์ผ่านระบบคลาวด์แล้วนำมาเปรียบเทียบกับค่าที่เหมาะสมของการเพาะปลูกพืช (Crop Requirement) เพื่อแจ้งเตือนและสั่งการระบบต่าง ๆ ให้ทำงานต่อไป โดยทีมวิจัยและพัฒนาได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลค่าที่เหมาะสมของการเพาะปลูกพืช (Crop Requirement) หลายชนิดป้อนค่าไว้ในแอพพลิเคชั่นโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น เมล่อน มะเขือเทศ มะม่วง ข้าว ผักไฮโดรโปรนิกส์ เห็ด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นให้เกษตรกรสามารถป้อนค่าเหล่านี้ได้ด้วยตนเองอีกด้วย
เนคเทค-สวทช. มุ่งหวังว่า Handy Sense จะเป็นเครื่องมือที่ใคร ๆ ก็มีและสามารถใช้งานได้ในราคาที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยยุคใหม่ มีการขยายผลการเรียนรู้และการใช้ประโยชน์ไปยังพื้นที่บริการของตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ อันจะก่อให้เกิดการบรรลุเป้าหมายเกษตรกรรมยั่งยืน ด้วยสมาร์ทฟาร์มแบบพอเพียงต่อไป”
ขอขอบคุณแหล่งที่มา :