เดือนหน้า(ก.ค.)เปิดอุโมงค์เชื่อมสถานีกลางบางซื่อ-MRT

Share

Loading

  • ลงรถไฟฟ้าสายสีแดงเดิน700เมตรวาร์ปทะลุถึงกัน
  • เงิน20ล้านอำนวยความสะดวกประชาชนไร้รอยต่อ

รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า ขณะนี้บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาโครงการจัดทำทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีกลางบางซื่อ กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ วงเงินก่อสร้างรวมประมาณ 20 ล้านบาท ได้เจาะผนังกำแพงที่มีความหนาประมาณ 1 เมตร เพื่อเปิดอุโมงค์ทางเชื่อมต่อทั้ง 2 จุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

จะทำให้สถานีกลางบางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสถานีบางซื่อของรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สายสีน้ำเงินของ รฟม. มีทางเดินที่เชื่อมต่อกันได้ 2 จุด ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน และเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ มีความสะดวก และรวดเร็ว

รายงานข่าวจาก รฟม. แจ้งต่อว่า ทางเดินเชื่อมกว้าง 7 เมตร อยู่ชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อ มีระยะทางจากสถานีกลางบางซื่อ ถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT บางซื่อ จุดละประมาณ 700 เมตร หากใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง และต้องการเดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้า MRT ต้องเดินลงมายังชั้นใต้ดิน จะมีทั้งบันไดเลื่อน บันได และลิฟท์ไว้คอยบริการ

โดยทางเดินเชื่อมจะมีลักษณะเดียวกับทางเดินเชื่อมของสถานีรถไฟฟ้าแห่งอื่นที่เชื่อมต่อกับสถานที่ต่างๆ คาดว่าจะเปิดบริการทางเดินจุดเชื่อมต่อที่ 1 ได้ประมาณเดือน ก.ค.64 เพื่อรองรับการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงฟรี ทั้งช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และช่วงบางซื่อ-รังสิต ส่วนทางเดินจุดเชื่อมต่อที่ 2 จะเปิดบริการได้ประมาณเดือน ต.ค.นี้

รายงานข่าวจาก รฟม. แจ้งด้วยว่า สำหรับโครงการจัดทำทางเชื่อมดังกล่าว รฟท. ได้ลงนามความร่วมมือกับ รฟม. โดยมอบให้ รฟม. ประกวดราคาแบบเฉพาะเจาะจง เนื่องจากบริษัท ยูนิคฯ เป็นผู้ก่อสร้างงานชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่ออยู่แล้ว จึงง่ายต่อการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

บริษัท ยูนิคฯ ได้ยื่นข้อเสนอประกวดราคา 19.9 ล้านบาท  รฟม. เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน และ รฟท. จะชำระคืนภายหลัง ขณะนี้การก่อสร้างเดินหน้าตามแผน อยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนของงานสถาปัตยกรรม งานประตูม้วนกันไฟ และงานติดตั้งกล้องวงจรปิด พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/TransportDailynews/posts/2925193681035464