ผู้คนนับล้านคนทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางตอนเช้า หรือการเดินทางออกนอกเมืองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ปัญหารถติดก็เป็นสิ่งที่คงอยู่เสมอมาและก็ให้เกิดผลกระทบทางสังคมที่เห็นได้ชัดเจน ในปี 2562 พบว่าชาวอเมริกันเสียเวลาไปกับการจราจรอยู่ที่ 99 ชั่วโมงต่อปี และอุบัติเหตุรถชนกันเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของชาวอเมริกันช่วงอายุระหว่าง 1 ถึง 54 ปี นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการจราจรจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกเสียหายเป็นมูลค่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 และการจราจรนั้นทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น เช่น ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2)
แต่มันก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบที่คาดการณ์ไว้ก็ได้ เพราะความก้าวทางด้านเทคโนโลยีหลายๆ ด้าน การคิดค้นวิธีการจัดการด้านการขนส่งใหม่ๆ กำลังจะเกิดขึ้น ระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (ITS) ทั่วโลกล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของสมาร์ทซิตี้ที่ขับเคลื่อนด้วยกล้องอัจฉริยะ คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) หรือการวิเคราะห์ภาพนิ่งหรือวิดีโอในรูปแบบเดียวกับที่ระบบการมองเห็นของมนุษย์ และโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
ITS คืออะไรและทำหน้าที่อะไร?
หากกล่าวโดยย่อ Intelligent Transportation System (ITS) คือแอปพลิเคชันขั้นสูงของระบบเซ็นเซอร์ กล้อง และเครื่องบันทึกที่ใช้อัลกอริธึมแบบ AI และการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อจัดการกับการขนส่งและการจราจรโดยอัตโนมัติ และนี่อาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ระบบการควบคุมอัตราไหลของรถที่จะเข้ามาจากเส้นทางเชื่อมไปจนถึงการเปลี่ยนรูปแบบการจราจรอย่างชาญฉลาดเพื่อให้คนที่สัญจรบนทางเท้าสามารถเดินข้ามถนนได้ โดยในอดีตสามารถทำได้โดยการให้คนนั่งดูฟีดของวิดีโอและส่งคำสั่งงานจากฮับ แต่ปัจจุบันกระบวนการต่างๆ เหล่านี้สามารถจัดการให้เสร็จสรรพได้ด้วยกล้องที่ติดตั้งระบบ AI ในตัว
นายไบรอัน มัลลารี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ สำหรับผลิตภัณฑ์การรักษาความปลอดภัยของเวสเทิร์น ดิจิตอล อธิบายในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า “ส่วนที่ชาญฉลาด (ของระบบ) คือการวิเคราะห์ข้อมูลวิดีโอ” การฝึก AI ให้จำแนกคนที่สัญจรบนถนนได้ว่าเป็นคนสัญจรบนถนน จักรยานคือจักรยาน และอื่นๆ อีกมากมายนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญต่อระบบเป็นอย่างมาก ในอดีตการวิเคราะห์ข้อมูลจะทำได้เฉพาะที่ที่เป็นศูนย์กลาง (เช่น ศูนย์ข้อมูล) แต่ด้วยการเติบโตของชิปที่มี AI ในตัวทำให้นายมัลลารีเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้มาใช้จะเริ่มกระจายปริมาณการวิเคราะห์
“กล้องอัจฉริยะจะทำงาน ณ จุดที่ติดตั้ง แล้วทำการส่งผลไปยังส่วนกลาง” มัลลารีกล่าว “ในระดับสมาร์ทซิตี้ มันกระจายตัวออกไปเยอะมาก…ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องกระจายงานออกไป”
ตัวอย่างสำหรับการทำงานจริง มัลลารียกตัวอย่างที่ North Avenue Corridor ในแอตแลนต้า ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถมากมายของระบบ ITS ที่ทันสมัย ได้แก่ อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยี AI การตอบสนองอัตโนมัติ และอื่นๆ
ความก้าวล้ำของสตอเรจที่ขับเคลื่อนภาคส่วนไปข้างหน้า
ในฐานะที่นายมัลลารี เป็นผู้นำทัพของแบรนด์ WD Purple ดังนั้นงานของเขาจึงมุ่งเน้นไปที่การนำข้อมูลวิดีโออัจฉริยะมาใช้ และเข้าใจดีว่าจำเป็นต้องมีโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ที่กำลังเติบโตนี้ ด้วยเหตุนี้ WD Purple™ Pro จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกยกขึ้นมาแนะนำเพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากระบบการเรียนรู้เชิงลึกและโซลูชันการฝึก AI ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมวิดีโออัจฉริยะ
นายมัลลารีเน้นย้ำว่าในภาคส่วนวิดีโออัจฉริยะกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำหรับการบันทึกวิดีโอที่สามารถบันทึกได้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้เป็นเพียงการบันทึกข้อมูลดิบจากกล้อง “ทึ่มๆ” ตัวหนึ่ง และในอนาคตจะมีการจัดเก็บและวิเคราะห์เสร็จสรรพได้บนกล้องแบบ AI มัลลารีกล่าวว่า “Purple Pro ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานฝั่งเซิร์ฟเวอร์ แต่ก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าของ AI”
ฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่และโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลอื่นๆ มีความสามารถในการบันทึกการสตรีมระดับความละเอียดสูงได้ถึง 64 ตัวพร้อมกันได้ ในขณะที่เวิร์คโหลดและประสิทธิภาพก็ได้รับการปรับปรุงเพื่อช่วยให้ไดรฟ์สามารถตอบสนองความต้องการของฟังก์ชัน AI รวมถึงการจับคู่รูปแบบและการจดจำวัตถุ แนวคิดเบื้องหลังกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้คือการนำการเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกวิดีโอสตรีมมาผสมผสานกับความทนทานและความจุในระดับสูงสุดเพื่อให้แน่ใจว่าสุขภาพของไดรฟ์จะคงอยู่ในสถานะที่ดีตลอดหลายพันชั่วโมงของการบันทึกวิดีโอและการวิเคราะห์
สิ่งนี้จะส่งผลต่ออะไรบ้าง?
แม้ว่าการใช้งาน ITS จะยังเพิ่งเกิดขึ้น แต่ก็เริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่า ITS คุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับทั้งภาคธุรกิจและเทศบาล การศึกษาร่วมกันจากมหาวิทยาลัย (Temple University) มหาวิทยาลัยฮูสตัน (University of Houston หรือ UH) และวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งลอนดอน (London School of Economics) พบหลักฐานที่แสดงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและประหยัดเวลาที่สำคัญ การวิจัยของพวกเขาพบว่าระบบ ITS สามารถกู้คืนชั่วโมงเดินทางได้ 175 ล้านชั่วโมงต่อปี ป้องกันการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (fossil fuel) ได้ 53 ล้านแกลลอนต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ 10 พันล้านปอนด์ต่อปี
สถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) แนะนำประโยชน์ที่คล้ายคลึงกันที่ดีต่อเศรษฐกิจ ในรายงานฉบับหนึ่ง ขององค์กรการวิจัยประมาณการว่าระบบยานยนต์อัตโนมัติอาจช่วยประหยัดแรงงานชาวอเมริกันได้ถึง 507 พันล้านดอลลาร์และลดอุบัติเหตุได้ 488 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ พวกเขาคาดการณ์ว่าอาจมีผลกระทบมูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกอันเป็นผลมาจากการนำบริการสมาร์ทโมบิลิตี้มาใช้
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อมของระบบขนส่งอัจฉริยะอาจส่งผลในวงกว้าง และนวัตกรรมระดับแถวหน้าที่มีอยู่ก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน แต่อย่างไรก็ตามเป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตทั่วทั้งเมือง ดังที่ ยีน เลย์ซาโรวิช (Gene Leyzarovich) ประธาน/ซีอีโอของบริษัท ACNC QSAN กล่าวในงานแถลงข่าวเสมือนจริง “For a Smarter World” ว่า “ปัจจัยร่วมของโครงการสมาร์ทซิตี้ทั้งหมดคือเป้าหมายที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนร่วมกัน”
แต่บางทีมันอาจสำคัญกว่านั้น ระบบเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงอนาคตที่ขยันขันแข็งและเต็มไปด้วยจินตนาการของเมืองเรา ITS และการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ที่คล้ายคลึงกันช่วยให้นักสำรวจเมือง วิศวกร และนักออกแบบสามารถจินตนาการได้ถึงภูมิทัศน์ของเมืองใหม่สำหรับนักบินอวกาศทั่วโลก อันที่จริงข้อมูลสามารถนำเราไปสู่ยุคของเมืองที่สามารถเดินได้ การขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง และศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่มีความใกล้ชิดยิ่งขึ้น สะอาดกว่า และเชื่อมโยงกันได้มากกว่าที่เคย
แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า
บทความชิ้นนี้อาจมีข้อความที่มองไปยังอนาคต รวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับความคาดการณ์ของผลิตภัณฑ์เสริมระบบฝังตัวและครบวงจรของเวสเทิร์น ดิจิตอล ตลาดของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ความพยายามในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขนาดความจุ ศักยภาพ และแอปพลิเคชันของผลิตภัณฑ์ ข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงตามความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริงที่แตกต่างอย่างมากจากเนื้อหาที่ปรากฎอยู่ในข้อความที่มองไปยังอนาคตทั้งปัญหาในการพัฒนาหรือความล่าช้า ปัญหาด้านห่วงโซ่การผลิตและการขนส่ง การเปลี่ยนแปลงในตลาด ความต้องการ สภาพเศรษฐกิจโลก ตลอดจนความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ ที่ระบุในรายงานประจำไตรมาสและประจำปีฉบับล่าสุดของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ปอเรชั่นที่ส่งถึงคณะกรรมการกกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งควรให้ความสนใจ ผู้อ่านควรระมัดระวัง ไม่เชื่อมั่นในข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้มากเกินไป และเราไม่มีข้อผูกมัดที่จะปรับปรุงแก้ไขข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้ตามเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง
©2021Western Digital Corporation หรือ บริษัทในเครือสงวนลิขสิทธิ์ Western Digital เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Western Digital Corporation หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เครื่องหมายอื่นๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง
https://www.westerndigital.com/
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
33 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว
เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
Tel : +66(0) 2553-8888