จากที่ต้องค่อย ๆ คลานลงจากเตียง ตอนนี้เอวา-เลนา ราซมัสสัน ไปยกน้ำหนักออกกำลังกายในยิมได้แล้ว หลังจากที่สภาพร่างกายของเธอเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19
หญิงวัย 55 ปีจากกรุงสตอกโฮล์มผู้นี้บอกว่าเป็นเพราะแอปพลิเคชันสัญชาติสวีเดนอย่าง “Joint Academy” ที่ทำให้เธอปวดข้อน้อยลง แอปพลิเคชันที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 นี้ ช่วยออกแบบวิธีบริหารร่างกายให้เธอโดยเฉพาะ โดยส่งมาเตือนให้เธออย่าลืมบริหารร่างกายซ้ำ ๆ เป็นเวลา 5 นาที เช่น ยืนและย่อหรือที่เรียกกันว่าสคว็อต (squat) หรือยกขา
นอกจากนี้ยังมีวิดีโอสาธิตให้เธอทำท่าให้ถูกต้อง มีการปรับท่าการบริหารร่างกายโดยอ้างอิงจากความคิดเห็นของเธอว่ายากไปหรือเจ็บเกินไปหรือเปล่า และยังมีทางเลือกให้ได้พูดคุยผ่านวิดีโอกับนักกายภาพบำบัดด้วย
“ฉันรู้สึกถึงความแตกต่างจริง ๆ” ราซมัสสัน ซึ่งมีปัญหาเจ็บเข่าเล่า ตอนเริ่มบริหารร่างกายตามแอปฯ นี้ เธอยืนและย่อได้แค่ไม่กี่ครั้งแต่ตอนนี้ภูมิใจที่ทำได้ “ถึง 21 ครั้งแล้ว”
นอกจากยกน้ำหนักแล้ว ตอนนี้เธอยังกลับมาขี่จักรยานได้อีกครั้ง และก็เตรียมไปเล่นสกีกับครอบครัวในปีหน้าแล้ว
Joint Academy ก่อตั้งโดยลีฟ ดาห์ลเบิร์ก อาจารย์ด้านกระดูกจากมหาวิทยาลัยลุนด์ และจาค็อบ ลูกชายวัย 30 ปีซึ่งลาออกจากมหาวิทยาลัยขณะเรียนด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์มาตั้งบริษัทซึ่งมุ่งรักษาโรคข้อเสื่อมกับพ่อ
บริษัทระบุว่า อยากจะเป็นทางเลือกให้กับการรักษาที่ต้องไปเจอหมอตัวเป็น ๆ ที่คลินิก และก็เพื่อป้องกันให้คนไข้ไม่ต้องไปเข้ารับการผ่าตัดราคาแพงในที่สุดด้วย
ตั้งแต่เดือน เม.ย. ปีที่แล้ว มีคนใช้แอปฯ นี้ถึง 50,000 คน เทียบกับใน 6 ปีแรกที่เริ่มธุรกิจที่มีคนใช้เพียงแค่ 15,000 คน ตอนนี้ แอปฯ นี้เป็นทางรักษาที่คนมีปัญหาด้านไขข้อในสวีเดนเลือกใช้มากที่สุด
“คนที่มีอาการป่วยเรื้อรังมักจะอยู่ในกลุ่มคนที่เสี่ยงติดโควิด และในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ พวกเขาไม่ควรต้องเดินทางรักษาที่คลินิก” จาค็อบ อธิบาย
Joint Academy เป็นศูนย์กายภาพบำบัดที่ได้รับใบอนุญาตเป็นทางการในสวีเดน พวกเขามีรายได้จากหน่วยงานของรัฐในหลายประเทศที่จ่ายเงินให้ประชาชนเข้าร่วมโปรแกรมกายภาพบำบัดออนไลน์
แต่คนไข้บางคนก็ได้เงินช่วยเหลือจากบริษัทประกันเอกชน ตอนนี้บริษัทมีทุน 295 ล้านโครนสวีเดน หรือกว่า 1 พันล้านบาทแล้ว โดยในปี 2020 ทำเงินได้ถึง 64 ล้านโครนสวีเดน หรือกว่า 244 ล้านบาท
ความสำเร็จของบริษัทนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของธุรกิจเพื่อสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลในสวีเดน อาทิ บริษัท Blodtrycksdoktorn ที่ออกแบบการรักษาให้คนที่มีปัญหาด้านความดันโลหิต บริษัท Migränhjälpen ที่ช่วยคนที่เป็นไมเกรน และ Mindler ซึ่งให้คนเข้าถึงนักจิตวิทยาได้
ในช่วงราวเดือน ก.ย. ถึง พ.ย. ปีที่แล้ว มูลนิธิอินเทอร์เน็ตสวีเดน (Swedish Internet Foundation) ระบุว่า 1 ใน 5 ของชาวสวีเดน ใช้บริการแอปลิเคชันด้านสุขภาพ
โรเจอร์ โมลิน ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการสุขภาพทางดิจิทัล บอกว่า แนวโน้มนี้ไม่น่าแปลกใจเพราะสวีเดนเต็มไปด้วยประชากรที่ถนัดใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และก็เป็นแหล่งกำเนิดของแอปพลิเคชันดัง ๆ อย่าง Spotify และ Klarna
โมลินบอกว่า การลงทุนด้านนี้มากขึ้นเป็นทางรับมือแรงกดดันที่หน่วยงานสาธารณสุขในสวีเดนต้องเผชิญเนื่องจากมีผู้สูงวัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับในประเทศยุโรปอื่น ๆ
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สนับสนุนเรื่องนี้ โซเฟีย ริดเกร็น สเตล ซึ่งเป็นประธานสมาคมแพทย์สวีเดน บอกว่า แอปฯ ด้านสุขภาพต่าง ๆ มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศก็จริง แต่ต้องมาถกเถียงกันต่อว่าจะวางกฎระเบียบในการใช้แอปฯ ต่าง ๆ อย่างไร
สเตลบอกว่า ต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาว่าการรักษาแบบไหนที่สามารถทำผ่านแอปพลิเคชันได้ และแบบไหนที่จำเป็นต้องให้คนไข้ไปหาหมอหรือผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกหรือโรงพยาบาล
แต่จาค็อบ ดาห์ลเบิร์ก ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บอกว่า เขาไม่กังวลเรื่องเสียงวิพากษ์วิจารณ์เลยเพราะมีผลวิจัยที่ผ่านการตรวจสอบโดยคณะผู้เชี่ยวชาญออกมาถึง 10 ชิ้นแล้ว
ผลวิจัยล่าสุดโดยมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมพบว่า ผู้ใช้แอปฯ มีระดับความเจ็บปวดน้อยลงถึง 41% หลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ เทียบกับการรักษาแบบธรรมดาที่ตัวเลขอยู่แค่ 6%
แอกเนตา พอร์ทินสัน เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้แอปฯ 2,500 คนที่ชีวิตเปลี่ยนโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเลย
เธอเล่าว่าเคยเจ็บสะโพกจนนอนไม่หลับตอนกลางคืน และก็แทบจะก้มใส่รองเท้าและถุงเท้าตอนเช้าไม่ได้ แต่ตอนนี้อาการทุกอย่างดีขึ้นแล้ว แค่เจ็บเล็กน้อยเวลาเดินไกล ๆ
จาค็อบบอกว่า บริษัทมุ่งมั่นจะขยายธุรกิจไปทั่วโลกและก็ได้เปิดตัวในสหรัฐฯ แล้ว และวางแผนจะขยายไปประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
กลับมาที่สวีเดน ผู้ใช้แอปฯ อย่างราซมัสสัน มั่นใจว่าแอปฯ นี้จะได้รับความนิยมต่อไป แม้ในช่วงหลังโควิดทีเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่างและคนไข้สามารถไปหาหมอที่โรงพยาบาลได้อีกครั้งแล้ว เธอบอกว่าชอบแอปฯ นี้เพราะไม่ต้องเดินทางให้ยุ่งยากแม้จะเป็นช่วงก่อนมีโควิดระบาดก็ตาม
“การเดินทางไปใจกลางสตอกโฮล์ม ไปเข้ารับการรักษาที่นั่น ฉันคงไม่ทำ” เธอเล่า “ฉันคิดว่าถ้าไม่มีแอปฯ นี้ ฉันคงอยู่ในสภาพแย่แน่”
แหล่งข้อมูล