รู้ไว้ดีกว่า! หากเจอเหตุการณ์ ‘รถจมน้ำ’ เอาตัวรอดยังไง

Share

Loading

ช่วงนี้หลายพื้นที่ในประเทศไทยเจอสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน เลยนึกไปถึงกรณีหากเรากำลังขับรถอยู่แล้วเจอน้ำป่าพัดมาไม่ทันตั้งตัว หรือเกิดอุบัติเหตุรถตกน้ำ เราควรเอาตัวรอดอย่างไร

1 ตั้งสติ ยิ่งถ้าภายในรถมีเด็กและผู้สูงอายุ คุณยิ่งต้องใจแกร่งสงบสติอารมณ์และเริ่มต้นช่วยเหลือทุกคนก่อน โดยให้ทุกคนปลดเข็มขัดนิรภัยรอไว้

2 เปิดกระจกทั้งสี่ด้าน แม้รถจะตกไปในน้ำรถสตาร์ตไม่ติด แต่อย่างน้อยแบตเตอรี่จะยังคงทำงานอยู่ในเวลาอย่างน้อยๆ 5 นาที ก่อนเครื่องยนต์จะดับทั้งหมด และทิ้งความคิดที่จะเปิดประตู เพราะด้วยแรงดันน้ำมหาศาลที่กำลังไหลเข้ารถ การเปิดประตูรถจะเป็นไปได้ยากมาก

ส่วนในกรณีเปิดกระจกรถด้วยเครื่องยนต์ไม่ได้ เปิดประตูรถไม่ได้ ทางสุดท้ายคือทุบกระจกรถ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้พนักพิงศีรษะ เมื่อปลดล็อกออกจะเป็นก้านเหล็ก 2 แท่ง ที่แข็งแรงพอจะสามารถทุบกระจกรถให้แตกออกได้ โดยเน้นทุบกระจกรถด้านข้างเป็นหลัก เนื่องจากกระจกรถด้านหน้าและด้านหลังเป็นกระจก 2 ชั้น เหนียวและทนทานเป็นพิเศษ

การทุบกระจกรถแม้จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก เนื่องจากกระจกรถยนต์มักจะติดฟิล์มเพิ่มความเหนียวมากขึ้นไปอีก การทุบให้แตกในสถานการณ์คับขัน แถมพื้นที่แคบ จึงไม่ง่าย แต่หากต้องทำก็ควรเร่งมือ รวบรวมแรงที่มีให้มากที่สุด ก่อนที่อากาศภายในรถจะหมด จำไว้ว่า 3 นาทีแรกหลังรถจมน้ำสำคัญที่สุด

3 เมื่อหนีออกมาจากรถได้สำเร็จแล้ว ก็รีบว่ายให้พ้นจากตัวรถโดยเร็วที่สุด ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วเมื่อสสารน้ำหนักมากตกลงไปในน้ำ จะมีแรงดูดของใกล้ๆ ตามลงไปด้วย

ความเชื่อรอให้น้ำท่วมรถก่อน

เราจะไม่ขอฟันธงว่า มันสามารถทำได้จริงหรือไม่กับการที่เจอรถยนต์ตกน้ำแล้วรอให้น้ำท่วมมิดคันก่อน แล้วจะสามารถเปิดประตูรถได้ เนื่องจากแรงดันน้ำจากภายนอกทำให้เปิดประตูไม่ได้ในช่วงที่น้ำกำลังเข้าตัวรถและเครื่องยนต์ คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญคือ อย่ารอจนถึงขั้นนั้นเลย เพราะกว่าน้ำจะท่วมมิดคัน อาจใช้เวลานานหลายนาที อากาศภายในรถอาจจะหมดไปก่อน แล้วหากประตูเปิดไม่ได้สวนทางกับหลักทฤษฎี จะยิ่งไม่มีทางแก้ไข

ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเจอสถานการณ์ฉุกเฉินแน่แล้ว รักษาชีวิตคุณและผู้โดยสารก่อน เปิดกระจกรถทั้งสี่ด้าน ช่วยเหลือทุกคนในรถให้ออกมาจากรถโดยเร็ว ว่ายหนีให้ห่างจากตัวรถ ขึ้นพื้นที่แห้ง แล้วจึงขอความช่วยเหลือ

ย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นอุบัติเหตุขั้นร้ายแรงที่ไม่อยากให้ทุกคนพบเจอ ดังนั้นเราควรมีการประเมินสถานการณ์ตลอดการขับขี่บนท้องถนน หรือพื้นที่ที่ไม่ใช่ท้องถนน หากเจอน้ำท่วมขังข้างหน้า ควรประเมินความสูงของน้ำเสียก่อน ถ้าความลึกไม่เกิน 30 เซนติเมตร และไม่ได้เพิ่มปริมาณน้ำขึ้นเรื่อยๆ รถยนต์สามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งถ้าคาดว่าข้างหน้าน้ำสูงเกินระดับอันตราย หรือระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ ควรกลับรถหนีขึ้นที่สูง ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

แหล่งข้อมูล

https://www.thairath.co.th/news/auto/tips/2205009