ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เริ่มทดลองให้บริการจัดส่งยาผ่านโดรนในจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งโดรนที่นำมาแสดงนี้เป็นของบริษัท DJI โดยสามารถรับน้ำหนักได้ 10 กิโลกรัม และบินได้ไกลถึง 3 กิโลเมตร
ทั้งนี้ จุดประสงค์ของโครงการ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไปรษณีย์ไทยสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลในการแก้ปัญหาส่งของไปยังพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ อาทิ พื้นที่น้ำท่วมในหลายจังหวัดตอนนี้, พื้นที่สีแดงที่มีการปิดการเข้า-ออก หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง เป็นต้น
ดังนั้น โครงการโดรนส่งของ จึงเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาการทำงานของไปรษณีย์ไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทางด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า
ทางกระทรวงฯ จะมีการร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อใช้ในการส่งยาและเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลไปยังผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยโควิด 19 ในโครงการ Home Isolation-Community Isolation ผ่านความร่วมมือกับอุปกรณ์เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความแม่นยำระยะไกลอย่าง “โดรน” พัฒนาให้เป็นยานพาหนะในการจัดส่งยา รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นให้ถึงบ้านผู้ป่วย
ส่วนทางด้าน นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ก็ได้กล่าวตอบรับนโยบายดังกล่าวว่า
“ไปรษณีย์ไทยพร้อมร่วมมือกับกระทรวงดีอีเอส โดยเริ่มจากการเป็นผู้ขนส่งยาจากโรงพยาบาลถึงบ้านผู้ป่วยเป็นรายแรกของไทย จนได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้ใช้บริการและโรงพยาบาลกว่า 400 แห่ง ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังเป็นผู้ขนส่งสิ่งของหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิ รวมไปถึงการสร้างแคมเปญ ไปรษณีย์ไทยส่งให้ ชวนคนไทยอยู่บ้าน เพื่อให้ตอบรับกับช่วงสถานการณ์โควิด ที่ทำให้ผู้ป่วยในทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม”
โดยที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทย ดำเนินการจัดส่งยา, เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไปยังผู้รับทั่วประเทศอย่างรวดเร็วแม่นยำ ด้วยมาตรฐานบริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย พร้อมมั่นใจด้วยระบบ Track & Trace ให้ติดตามตรวจสอบสถานการณ์จัดส่ง
ซึ่งใน 2 ปีที่ผ่านมา แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด ไปรษณีย์ไทยยังคงเปิดให้บริการและจัดส่งยาถึงผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 1.2 ล้านชิ้น
โครงการนำร่อง ด้วยการใช้โดรนส่งของในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของวงการขนส่งไทย
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ จุดประสงค์ของโครงการจะมีไว้เพื่อจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ แต่ไม่แน่ว่า อนาคตอีกไม่นาน เราอาจหันมาใช้วิธีการนี้ กับสินค้าประเภทอื่น ๆ ในการส่งของไปยังพื้นที่ห่างไกล พื้นที่เข้าถึงยาก หรือแม้แต่พื้นที่ทั่วไปอย่างตัวเมือง ได้อย่างแพร่หลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4384594988299525/