ดีป้าเตรียมเปิดบัญชีบริการดิจิทัล หนุนสตาร์ทอัปเข้าตลาดภาครัฐ

Share

Loading

ดีป้าเตรียมเปิดบัญชีบริการดิจิทัล หนุนสตาร์ทอัปเข้าตลาดภาครัฐ ให้สามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ คาดให้บริการปีงบประมาณ 2566 ขณะที่เอกชนและประชาชนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ภายใน ม.ค.ปีหน้า ผ่านแพลตฟอร์ม Tech Hunt มั่นใจสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาทภายในปีแรกที่ให้บริการ

นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวถึงแผนงานในปี2 565 ว่า ดีป้าจะดำเนินการจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อสนับสนุนให้สตาร์ทอัปและผู้ให้บริการ SaaS หรือบริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบคลาวด์ สามารถเข้าสู่ตลาดหน่วยงานภาครัฐได้โดยการขึ้นบัญชีบริการดิจิทัลซึ่งต้องได้รับมาตรฐานทั้ง CMMI และ dSURE ของดีป้า โดยภาครัฐสามารถเลือกประยุกต์ใช้บริการดิจิทัลผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความโปร่งใสตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 เพื่อลดปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการถือครองครุภัณฑ์ที่ต้องมีการตั้งงบประมาณบำรุงรักษารายปี ตลอดจนต้องมีการตั้งงบจัดจ้างเพื่อปรับปรุงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัย ใช้งานได้ ช่วยให้ภาคเอกชน และประชาชนสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ แสดงคุณสมบัติ และราคาชัดเจน เพื่อประกันมิให้ถูกหลอกลวงให้ซื้อเทคโนโลยีที่ไม่ได้มาตรฐาน ราคาสูงเกินจริง

อีกทั้งช่วยดิจิทัลสตาร์ทอัปไทยที่มีศักยภาพ มีมาตรฐานสามารถเข้าสู่ตลาดภาครัฐได้สะดวกขึ้น โดยเอกชนสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ ก่อนนำใบเสร็จมายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 200% ซึ่งคาดหวังว่าจะมีรายการผลิตภัณฑ์/บริการดิจิทัลให้บริการกว่า 500 รายการ ภายในปีงบประมาณ 2565 ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว 200 รายการ จะเพิ่มเป็น 700 บริการ ให้ผู้ที่ต้องการใช้บริการเข้ามาเลือกซื้อได้ตามต้องการ คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาทภายในปีแรกที่ให้บริการ

ปัจจุบัน บัญชีบริการดิจิทัลผ่านคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานแล้ว คาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในเดือน ม.ค.2565 และเนื่องจากเป็นการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง อาจใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งประเมินว่าภาครัฐจะสามารถใช้บัญชีบริการดิจิทัลได้ในต้นปีงบประมาณ 2566 แต่ภาคเอกชน หรือประชาชนสามารถใช้บริการบัญชีดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม Tech Hunt ได้ภายในเดือน ม.ค.2565

นอกจากนี้ จะมีโครงการ Smart City Ambassadors ขยายผลโครงการยุวทูตน้อยในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ เพิ่มจำนวน 150 คน ใน 150 พื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนโครงการเมืองอัจฉริยะ ในบทบาทที่ปรึกษาของพื้นที่ที่จะช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องดิจิทัลโซลูชันให้หน่วยงานและประชาชนในท้องถิ่น โครงการเปิดร้านสะดวกซื้อบริการดิจิทัล ในชื่อ d-station โดยมีคนรุ่นใหม่มาทำหน้าที่เป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์ให้เครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัป (Sales Agent) ในพื้นที่ 8 จังหวัดนำร่อง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาชีพใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการลงทุน

และโครงการพัฒนา National Delivery Platform ซึ่งดีป้า ร่วมกับบริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด ดำเนินโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม National Delivery ในชื่อ eatsHUB ด้วยค่าส่วนแบ่งรายได้ในอัตรา 8% เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มรับส่งสินค้า/อาหารสัญชาติไทย ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการร้าน สามารถสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเป็นของตนเอง และช่วยสร้างอาชีพให้ผู้ว่างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ อีกทั้งเป็นการสร้างอำนาจต่อรองให้ผู้ประกอบการไทย ลดการเอารัดเอาเปรียบ เช่น การถูกเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้ในอัตราที่สูงเกินควร ซึ่งขณะนี้ eatsHUB ได้รับการพัฒนาแล้วเสร็จโดยมีร้านค้าร่วมเป็นสมาชิกกับแพลตฟอร์มแล้วกว่า 8,000 ร้านค้า และพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต สงขลา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครพนม และพระนครศรีอยุธยา ช่วงเดือน ม.ค.2565

แหล่งข้อมูล

https://ibusiness.co/detail/9640000126465