Deepfake นั้นถูกพูดถึงมาตั้งแต่ 3-4 ปี ก่อนแล้ว โดย Deep นั้นมาจากคำว่า Deep Learning และ Fake ที่แปลว่าหลอกลวง ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยี Ai เข้ามาเพื่อใช้ปลอมแปลงใบหน้าของบุคคลเพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ
ในช่วงเริ่มต้นของดีพเฟคได้มีการตัดต่อใบหน้าของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา รวมทั้ง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta พูดข้อมูลเท็จในโลกโซเชี่ยล ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างมาก
ต่อมาไม่นานดีพเฟคมีการพัฒนามากขึ้น โดยถูกไปใช้ตัดต่อใบหน้าของนักสแดงระดับโลกลงในเว็บหนังโป๊ และนั่นก็ทำโลกรู้จักดีพเฟคกันมากขึ้นครับ
จากที่เล่ามา มันก็ดูจะ “ไกลตัว” พวกเราใช่ไหม ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นในต่างประเทศ ก็ไม่เห็นจะต้องสนใจอะไรมาก แต่ว่า เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้ Tiktok ชื่อ siripatty ได้เปิดเผยว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมามาเขา และขอให้เขาได้เปิดกล้องเพื่อคุยกับตำรวจ แต่เมื่อเปิดกล้อง พบว่าตำรวจนายนั้น “หน้านิ่งมาก” ขยับแค่ปาก และเสียงเหมือนจะไม่ตรงกับปากสักเท่าไหร่ ทำให้เขารู้ทันทีว่านี่เป็นแก๊งมิจฉาชีพ ทีนี้ “ใกล้ตัว” กันขึ้นมาหรือยัง …
ทั้งนี้ เทคโนโลยีดีพเฟคที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เหมือนจะรุ่นบุกเบิกเลย (เทียบกับ iron man คือ Mark 1 เลย ดิบ ๆ ) ทำให้เราพอจะแยกออกว่ามันดูเป็นของปลอม ซึ่งปัจจุบันมันสามารถหาใช้ได้ทั่วไป และถ้าหากใครใช้งาน Tiktok บ่อย ๆ จะรู้ว่า ชาว Tiktok เอามาเล่นบ่อยมากครับ
Techhub กำลังจะบอกว่าดีพเฟคนั้นน่ากลัวกว่าที่คิด ซึ่งในรุ่นที่พัฒนาเพื่อใช้โจมตีตัวบุคคล หรือใช้เพื่อสร้างข่าวปลอมหวังผลทางการเมืองนั้น แทบจะแยกไม่ออกหากดูด้วยเปล่า และจะเห็นบ่อยในช่วงใกล้เลือกตั้งของประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ เช่นสหรัฐ แต่นั่น มันก็ไม่แปลว่ามันจะไม่นำถูกนำมาใช้เพื่อหลอกลวงคนทั่วไปนะ ในเมื่อพวก “คุณโจร” เขาพัฒนากันไปขนาดนี้ เราก็ต้องตามพวกเขาให้ทันเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าวันหนึ่ง เขาอาจมี Deepfake ที่ฉลาดกว่านี้ก็ได้
ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจหลายแห่งให้ข้อมูลไปในแนวทางเดียวกันว่า ปัจจุบันตำรวจยังไม่มีแนวทางการแจ้งความทางไลน์หรือการโทรบอก การดำเนินการทางกฎหมายตำรวจจะออก “หมายเรียก” ก่อนเพื่อให้มาชี้แจงกับตำรวจครับ จะไม่มีการโทรแจ้งหรือไลน์ไปบอกเด็ดขาด ฉะนั้น ใครโทรบอกมาบอกเป็นตำรวจ ก็สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพนะ
แหล่งข้อมูล
https://www.techhub.in.th/callcenter-use-deepfake-to-create-fake-police/