ล่าสุด มีข่าวว่าสหรัฐอเมริกา เสนอแผนการจัดตั้งพันธมิตรในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างสหรัฐฯ, ไต้หวัน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้จีน เข้าครอบครองอุตสาหกรรมนี้ได้
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ทั้ง 3 ประเทศออกมาตอบตกลงทันที แต่กลับสร้างความกังวล เนื่องจากว่าจีนเป็นตลาดใหญ่ของอุตสาหกรรมนี้ อีกทั้งยังมีบริษัทผลิตชิป ที่ใช้โรงงานในจีนเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญด้วย โดยมีรายงานว่าทางไต้หวัน บอกว่า
“แน่นอนว่าความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดอย่างจีน ก็มีความสำคัญมากเช่นกัน”
ส่วนทางรัฐบาลเกาหลีใต้ ก็ไม่เต็มใจ ที่จะเอาบริษัทผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Samsung เข้าไปเสี่ยงดำเนินงานภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากทาง Samsung เองมีโรงงานผลิตชิปหลักอยู่ในเมืองซีอาน ประเทศจีน และคิดเป็นปริมาณกว่า 40% ของกำลังผลิตทั้งหมด
ในขณะเดียวกัน จีนก็กำลังทำสงครามเศรษฐกิจ ด้วยการเข้ายึดอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมนี้ โดยมีสื่อจากฮ่องกง รายงานว่า ไต้หวัน กล่าวหาว่าจีน ว่ากำลังทำสงครามเศรษฐกิจกับไต้หวันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ด้วยการขโมยเทคโนโลยี และเอาตัววิศวกรที่มีทักษะไป
ซึ่งการที่จีนพยายามจะขโมยความลับทางการค้าในการผลิตชิป เนื่องจากจีน เป็นผู้นำในการผลิตสมาร์ตโฟน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แต่กลับนำเข้าชิปเกือบทั้งหมด เรื่องนี้จึงถูกมองว่าเป็นอีกสาเหตุ ที่ทำให้จีนพยายามให้ไต้หวันอยู่ภายใต้อาณัติของตน
และสำหรับเรื่องการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป เพราะจริง ๆ แล้วก็ดูเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าประเทศทั้ง 3 เกิดตกลงขึ้นมา ก็อาจเป็นอีกข้อตกลงที่พลิกเกมเศรษฐกิจได้เลย..
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/4909327062492979/