ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน จากปัญหาวิกฤติซัพพลายเชน รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ Samsung เลือกที่จะประกาศแผนการลงทุน ซึ่งทุ่มเงินครั้งใหญ่ที่สุด กว่า 356,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12 ล้านล้านบาท)
แผนการทุ่มเงินจำนวนมหาศาลนี้ จะครอบคลุมการทำงานตลอด 5 ปีข้างหน้าเพื่อพัฒนาและเร่งการเติบโตในธุรกิจชิปเซมิคอนดักเตอร์, ไบโอเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI
โดย Samsung ระบุว่า เงินจำนวนกว่า 285,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.7 ล้านล้านบาท) จะนำมาลงทุนในประเทศเกาหลีใต้โดยเฉพาะ ส่วนที่เหลืออาจจะนำไปลงทุนในหน่วยงานอื่น ๆ ที่อยู่ต่างประเทศ เพราะ Samsung มีศูนย์วิจัยและพัฒนาอยู่ทั่วโลก เช่น สหราชอาณาจักร, สหรัฐฯ, แคนาดา และฟิลิปปินส์ และด้วยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะจ้างงานในตำแหน่งใหม่ได้อีก 80,000 ตำแหน่ง ภายในปี 2026 หรือราว 16,000 ตำแหน่งต่อปี
สำหรับ Samsung บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ ที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตสมาร์ตโฟน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Samsung ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในฐานะผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกด้วย หลังจากที่ทั่วโลกประสบปัญหาขาดแคลนชิป
หลังจากนี้ Samsung จะใช้เงินทุนดังกล่าว ในการพัฒนาและผลิตชิป 3nm เพื่อแข่งขันกับ TMSC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน รวมถึงจะผลิตชิปขั้นสูงที่นำมาใช้กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์, หุ่นยนต์ และเทคโนโลยี AI ในอนาคต
นอกจากนี้ Samsung ยังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายรุ่นที่ 6 หรือ 6G เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Hologram และเทคโนโลยีเสมือนจริง อย่าง AR, VR, MR และ XR
แหล่งข้อมูล