สำนักข่าว Reuters รายงานว่า องค์กรต่าง ๆ ในประเทศสิงคโปร์หันมาลงทุนในหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติมากขึ้นตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากแรงงานชาวต่างชาติขาดแคลน โดยการทำงานของหุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติครอบคลุมการทำงานตั้งแต่ในห้องสมุดจนถึงไซต์ก่อสร้าง
หากเริ่มที่การทำงานในห้องสมุดจะพบว่า ห้องสมุดแห่งชาติของสิงคโปร์จะใช้งานหุ่นยนต์เพื่อช่วยตรวจสอบ และแจ้งบรรณารักษ์ว่าหนังสือเล่มใดวางไม่ถูกที่ โดยตัวหุ่นยนต์สามารถตรวจสอบหนังสือได้ 1 แสนเล่ม/วัน หรือคิดเป็น 30% ของหนังสือทั้งหมด ช่วยลดการใช้แรงคนในการตรวจสอบ และนำเวลาไปทำงานอื่น ๆ ได้
ต่อด้วย The Robot Barista ตู้ชงกาแฟอัตโนมัติที่มีหุ่นยนต์แขนกลชื่อว่า Ella ที่พัฒนาโดย Crown Digital ทำหน้าที่ชงกาแฟ และเครื่องดื่มต่าง ๆ ตั้งอยู่ใน 30 สถานีรถไฟฟ้า แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในธุรกิจร้านอาหาร และเครื่องดื่มที่ปกติต้องจ้างแรงงานที่มีทักษะไม่สูงมากมาทำงานนี้ แต่ต้องจ้างหลายคน เปลี่ยนเป็นจ้างแรงงานทักษะสูงแค่ไม่กี่คนเพื่อมาดูแลหุ่นยนต์แทน
สุดท้ายคือ Spot หุ่นยนต์สี่ขาที่ทำหน้าที่ตรวจสอบไซต์งานก่อสร้าง และรายงานข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุมแบบอัตโนมัติ ถือเป็นการช่วยประหยัดแรงงานผู้เชี่ยวชาญที่ปกติต้องใช้ถึง 2 คน เป็นใช้เพียง 1 คนเพื่อสั่งงานหุ่นยนต์ดังกล่าว นอกจากนี้ Reuters ยังเปิดเผยรูปการใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาด และหุ่นยนต์ดักยุงในสิงคโปร์ด้วย
หากอ้างอิงตัวเลขจากกระทรวงแรงงานของสิงคโปร์พบว่า จำนวนแรงงานชาวต่างชาติลดลงถึง 2.35 แสนรายนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2019 จนถึงเดือน ก.ย. 2021 และสิงคโปร์ถือเป็นประเทศอันดับที่ 2 ของโลกที่ใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมการผลิต โดยใช้หุ่นยนต์ 605 ตัวต่อพนักงาน 10,000 คน เป็นรองแค่เกาหลีใต้ที่ใช้หุ่นยนต์ 932 ตัวต่อพนักงาน 10,000 คน
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/BrandInsideAsia/photos/a.1505585296134824/5998858703474105/