ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Baidu เสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ของจีน ได้หันมาให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับมากขึ้น ล่าสุด Baidu ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ รุ่น Apollo RT6 EV เป็นรถยนต์ที่รองรับสูงสุด 4 ที่นั่ง
หนึ่งในจุดเด่นที่น่าสนใจของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ก็คือ ไม่มีพวงมาลัย เพราะมาพร้อมระบบไร้คนขับระดับ 4 (จาก 5 ระดับ), มี LiDAR หรืออุปกรณ์ที่ตรวจจับและคาดคะเนระยะห่างของวัตถุ 8 ตัว และกล้อง 12 ตัวรอบคัน ซึ่งด้วยระบบไร้คนขับระดับ 4 ที่รถจะสามารถขับขี่อัตโนมัติได้เกือบสมบูรณ์ สามารถขับเคลื่อนและควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินได้ จึงทำให้รถไม่จำเป็นต้องมีพวงมาลัย นั่นเอง..
อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ผู้ใช้งานต้องการพวงมาลัย ก็สามารถร้องขอให้บริษัทติดตั้งได้เช่นกัน
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ทาง Baidu ระบุว่า เป็นรถยนต์ที่ Baidu พัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น แบตเตอรี่ จึงทำให้มีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่า โดยมีราคาขายอยู่ที่คันละ 250,000 หยวน (ราว 1.4 ล้านบาท) ถูกกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ที่อยู่ราวคันละ 480,000 หยวน (ราว 2.6 ล้านบาท) ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าจะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ใช้สำหรับให้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับบน Apollo Go แพลตฟอร์มเรียกรถของบริษัทในปีหน้าด้วย
และด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง จึงทำให้ Baidu สามารถผลิตรถยนต์จำนวนมาก เพื่อนำไปให้บริการรถแท็กซี่ไร้คนขับได้ โดยที่ค่าโดยสารก็จะถูกลงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไปกว่าครึ่งหนึ่งด้วยเช่นกัน..
นอกจากนี้ เมื่อรถยนต์ไม่มีพวงมาลัย ไม่มีคนขับ ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น โดยบริษัทอาจใส่อุปกรณ์อื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารได้มากขึ้น เช่น ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ หรือเครื่องเล่นเกม
สำหรับการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแบบไร้พวงมาลัย ไม่ได้มีแค่ Baidu ที่มุ่งพัฒนาและให้บริการ ครั้งหนึ่ง อีลอน มัสก์ CEO ของ Tesla เคยกล่าวไว้ว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะผลิตรถยนต์ที่ไร้พวงมาลัย เพื่อให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ ภายในปี 2024 ด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าว่า แท็กซี่ไร้คนขับนี้จะมีราคาถูกกว่าตั๋วรถบัสเสียอีก..
เช่นเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว Alphabet บริษัทแม่ของ Google ก็เคยเปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับที่ไร้พวงมาลัย และตั้งเป้าว่าจะเปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบในสหรัฐฯ ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะสามารถพัฒนาแท็กซี่ไร้คนขับออกมาได้แล้ว แต่ในการให้บริการจริง ๆ ก็ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ของแต่ละประเทศเสียก่อน..
แหล่งข้อมูล
https://www.facebook.com/MarketThinkTH/photos/a.1393665140725873/5224290710996611/