รู้ไหม ทั้งอเมริกาและจีน ตอนนี้มี ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ วิ่งบนท้องถนนแล้ว

Share

Loading

ปี 2022 การต่อสู้กับโควิด-19 ของมนุษยชาติแทบจะจบลงอย่างไม่เป็นทางการแล้ว คนจำนวนมากกลับไปมีชีวิตแบบ ‘ก่อนโควิด’ จริงๆ จังๆ ซึ่งก็แน่นอนโลกก็เปลี่ยนไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งคนจำนวนมากก็ไม่ต้องเข้าทำงานทุกวัน คนไม่ต้องอยู่บนท้องถนนเยอะๆ กันอีกแล้ว

แต่ ‘ความน่าตื่นเต้น’ ของปีนี้จริงๆ น่าจะเป็น การเกิดขึ้นของระบบ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’

ใช่แล้ว กลางปี 2022 แท็กซี่ไร้คนขับเป็นเรื่องจริง และนั่นไม่ได้มาจากฝีมือของ Uber ที่เคยบอกว่าจะให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับได้ในปี 2019 และก็ไม่ใช่ของ Tesla ที่เคยบอกว่าจะมีแท็กซี่ไร้คนขับวิ่งเป็นฝูงบนถนนภายในสิ้นปี 2020 แต่เป็นฝีมือของ Cruise และ Apollo Go ซึ่งเป็นบริษัทลูกของยักษ์ใหญ่ยานยนต์จากอเมริกาอย่าง General Motors และยักษ์ใหญ่ไอทีจากจีนอย่าง Baidu ตามลำดับ

ซึ่งทาง General Motors ได้ใบอนุญาตจากรัฐแคลิฟอร์เนียให้แท็กซี่ไร้คนขับวิ่งได้ 30 คันแถบซานฟรานซิสโกมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 แล้ว และทาง Baidu ก็ได้รับใบอนุญาตให้แท็กซี่ไร้คนขับ 5 คันวิ่งได้ที่เมืองฉงชิ่ง และอู่ฮั่น เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2022

แต่การวิ่งของแท็กซี่ไร้คนขับก็มีข้อจำกัดต่างๆ เช่นต้องวิ่งในเวลาที่กำหนดในโซนที่กำหนด ไม่วิ่งตอนฝนตก หมอกลง หรือตอนมีคนข้ามถนนเยอะๆ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ถือว่าเป็น หมุดหมายใหม่ทั้งทางธุรกิจและทางเทคโนโลยีของมนุษยชาติเลย และมันก็น่าสนใจถ้าเราจะวิเคราะห์ว่ากว่าที่เทคโนโลยีจะเป็นที่ยอมรับ มันผ่านอะไรกันมาบ้าง

ในอเมริกา เราคงเคยได้ยินอยู่แล้วว่ารถรุ่นใหม่ๆ จำนวนไม่น้อยติดตั้ง ‘ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ’ และมันทำให้คนขับไม่ต้องทำอะไร แค่นั่งเฉยๆ แต่ยังสามารถเข้าแทรกแซงการ ‘ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง’ ของรถได้ ซึ่งในอเมริกาเอง มีโครงการนำร่องเอารถที่มี ‘ระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง’ มาเป็นแท็กซี่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้จะมีคนขับนั่งคุมอยู่ด้วย

ตรงนี้ถือเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีที่คนอาจมองว่า ‘อันตราย’ ได้น่าสนใจมาก เพราะในความคิดของคนทั่วไป ใครมันจะกล้าขึ้นรถเปล่าๆ ที่บอกว่าใช้ AI ขับ บริษัทเหล่านี้ก็เลยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้วยการให้มีคนขับนั่งเป็นพี่เลี้ยงไปด้วย (ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นเลย) ซึ่งพอคนได้นั่ง แล้วเห็นว่ารถมันทำทุกอย่างได้เองหมดจริงๆ ปลอดภัยจริง มุมมองก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ว่าเขาจะเป็นคนทั่วไปหรือผู้ที่มีอำนาจในการให้ใบอนุญาตก็ตาม ล้วนมีข้อกังขาในฝีมือและความปลอดภัยของ AI น้อยลง

และนี่ก็หมายความว่า อีกไม่นานเมืองอื่นๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็น่าจะค่อยๆ ยอมรับ ‘แท็กซี่ไร้คนขับ’ แบบซานฟรานซิสโก และรัฐอื่นๆ ก็น่าจะค่อยๆ ยอมรับเทคโนโลยีนี้ตามมา

และพอใช้กันแพร่หลายเป็นปกติทั่วสหรัฐอเมริกา ก็ไม่น่าแปลกอะไรเลยที่ชาติอื่นๆ จะเริ่มยอมรับตาม ดังเช่นแทบทุกเทคโนโลยีใหม่ในชีวิตประจำวันของเราในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ที่มันต้องแพร่หลายในสหรัฐอเมริกาก่อนที่อื่นๆ

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/brandthink.me/photos/a.1767934240198787/3414899038835624/