CircularOne เครื่องรับคืนบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ ครั้งแรกในไทย ด้วยคลาวด์-AI

Share

Loading

“SUSTAINTECH” จับมือ “เทนเซ็นต์ คลาวด์” ร่วมพัฒนา “CircularOne” เครื่องรับคืนบรรจุภัณฑ์แบบอัตโนมัติ ครั้งแรกในไทย! มุ่งยกระดับการคัดแยก และจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว ด้วย “คลาวด์-เอไอ” ตอบเทรนด์เศรษฐกิจหมุนเวียน

SUSTAINTECH สตาร์ทอัปหัวใจรักษ์โลก เดินหน้าเปิดตัวเครื่อง “CircularOne” นวัตกรรมรักษ์โลก เครื่องรับคืนบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติเครื่องแรกในไทย โดยฝีมือคนไทย ที่สามารถรองรับขวดแก้วและจัดเก็บในสภาพสมบูรณ์เพื่อนำไปรียูส (Reuse) แบบอัตโนมัติ หรือ Reversed Vending Machine ชูจุดเด่นใช้ประโยชน์จากการผสานโซลูชันคลาวด์ และ AI ที่หลากหลายจาก เทนเซ็นต์ คลาวด์ กลุ่มธุรกิจคลาวด์ภายใต้เทนเซ็นต์ ผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลก ในการตรวจสอบคุณภาพวัสดุ และคัดแยกประเภทบรรจุภัณฑ์ทั้งขวดพลาสติกใส (PET) กระป๋องอะลูมิเนียม รวมถึง “ขวดแก้ว” เพื่อให้การทำงานของ “CircularOne” มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น สามารถนำไปรีไซเคิล หรือ รียูส และส่งกลับคืนสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ลดปัญหาการจัดการขยะ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน และช่วยลดปัญหาโลกร้อน

จิราวัฒน์ ตั้งกิจชัยวัฒน์ Founder & CEO ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัป SUSTAINTECH เปิดเผยว่า “ปัจจุบันโลกของเราได้เข้าสู่สภาวะวิกฤตทางอากาศ และทรัพยากรทางธรรมชาติที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากพฤติกรรมการผลิต การบริโภค และการจัดการที่ไม่ดีพอส่งผลให้เกิดมลพิษ และก๊าซเรือนกระจกที่มากขึ้น ข้อมูลจาก World Bank Group ชี้ให้เห็นว่า

ประเทศไทยถูกจัดอยู่อันดับที่ 6 ของโลกที่มีการทิ้งขยะพลาสติกลงสู่มหาสมุทรมากที่สุดถึง 3.49 ล้านตันต่อปี ซึ่งมีเพียงร้อยละ 17.6 (616,000 ตัน) เท่านั้น ที่ถูกนำกลับมารีไซเคิล

ด้วยปัญหาเหล่านี้ จึงมองเห็นความสำคัญในการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อลดปัญหาการจัดการขยะ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และช่วยลดปัญหาโลกร้อน จึงได้คิดค้น และพัฒนานวัตกรรม CircularOne โดยมุ่งเน้นการคัดแยกบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อลดการผลิต และเพิ่มการนำกลับมาใช้ใหม่

CircularOne เป็นเครื่องรับคืนบรรจุภัณฑ์รุ่นแรกของ SUSTAINTECH ที่นำขวดไปรียูสและรีไซเคิลแบบอัตโนมัติ (Reversed Vending Machine) ซึ่งเครื่องนี้สามารถรับคืนบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดพลาสติกใส (PET) กระป๋องอะลูมิเนียม รวมถึง ‘ขวดแก้ว’ ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมที่ SUSTAINTECH พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย”

SUSTAINTECH ถือเป็นเจ้าแรกที่คิดค้น และพัฒนาระบบเครื่องรับคืนบรรจุภัณฑ์แบบอัตโนมัติที่สามารถรับคืนขวดแก้วในสภาพสมบูรณ์ได้ โดยได้ร่วมมือกับเทนเซ็นต์ คลาวด์ กลุ่มธุรกิจคลาวด์ภายใต้เทนเซ็นต์ ผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำระดับโลก โดยได้นำโซลูชันคลาวด์ และเอไอของเทนเซ็นต์ คลาวด์ มาใช้เพื่อรองรับความต้องการเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บ และคัดแยกบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว พร้อมรับการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตลอดจนใช้ติดตั้งในระบบของตัวเครื่องเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ และคัดแยกประเภทของบรรจุภัณฑ์

พร้อมกันนี้ทาง SUSTAINTECH มีความตั้งใจที่จะสร้างการมีส่วนร่วมภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องดื่ม ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจรีไซเคิล ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คนเก็บขยะ หรือซาเล้ง ไปจนถึงผู้บริโภค จากการนำนวัตกรรม CircularOne มาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นตัวกลางในการยกระดับการจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพ และสมบูรณ์แบบเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”

มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “เทนเซ็นต์ คลาวด์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยกระดับการบริหารจัดการขยะเพื่อนำกลับเข้าสู่ระบบด้วยการรีไซเคิล ผ่านการนำเสนอโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีคลาวด์ และเอไอให้กับ SUSTAINTECH ที่ทำงานสอดประสานกันในการช่วยคัดกรองขวดบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งเสริมระบบการดำเนินงานของเครื่อง CircularOne ให้มีประสิทธิภาพ และความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ซึ่งโซลูชั่นดังกล่าวไม่เพียงแต่แยกประเภทบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว แต่ยังช่วยตรวจจับความผิดปกติของบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้ว ซึ่งถือเป็นประเภทบรรจุภัณฑ์ที่มีโอกาสนำกลับมาเข้าสู่ระบบการผลิตใหม่ได้ เช่น ในกรณีที่มีขวดมีรอยแตก หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ระบบจะทำการแจ้งเตือน และตีกลับทันที ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการคัดแยกขวดบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น  

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่พร้อมให้การสนับสนุนองค์กรธุรกิจไทยทุกขนาดจากหลากหลายอุตสาหกรรม ผ่านการนำเสนอโซลูชั่นคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นกว่า 400 รายการ ครอบคลุมความต้องการอันหลากหลายของแต่ละธุรกิจ ผสานเข้ากับความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานจากการมีดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถึง 2 แห่ง โดยเรายังคงจะพัฒนาโซลูชั่นเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น”

แหล่งข้อมูล

https://www.springnews.co.th/keep-the-world/830429