ภัยไซเบอร์เกี่ยวกับเด็กที่ผู้ใหญ่ต้องรู้และดูแลบนออนไลน์

Share

Loading

การแสวงหา ‘ประโยชน์ทางเพศ’ หรือ “Online Child Exploitation’ ซึ่งเป็นภัยการแสวงหาประโยชน์และคุกคามทางเพศเด็กทางออนไลน์ ที่เป็นอาชญากรรมทางร่างกายและจิตใจที่มีความผิดฐาน ‘ค้ามนุษย์’ และผู้ปกครองครัวระวังให้มาก

หนึ่งในภัยไซเบอร์ที่จ้องทำลายสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีของเด็ก มักอยู่ในรูปแบบเนื้อหาสื่อ (Child Sexual Exploitation Material: CSEM) ที่แสดงการละเมิดทางเพศเด็กในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การแสดงให้เห็นการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หรือกิจกรรมทางเพศที่กระทำต่อเด็ก รวมทั้งสื่อที่แสดงภาพเปลือย หรือกึ่งเปลือย เพื่อจุดประสงค์ในเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นหลัก และหมายรวมถึง “ภาพลามกอนาจารเด็กเสมือนจริง” (virtual child pornography) ด้วย

แม้จะไม่ได้ทำอันตรายต่อเด็กจริง แต่ก่อให้เกิดผลทางลบเพราะ

1 อาจถูกนำไปใช้ในกระบวนการตระเตรียมเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศ

2 ทำให้ตลาดค้าสื่อการทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กดำรงอยู่ต่อไปได้

3 ทำให้เกิดวัฒนธรรมความชินชาและไม่แยแส (culture of tolerance) ต่อการนำเด็กมาล่วงละเมิดผ่านสื่อออนไลน์และเป็นการบ่มเพาะอุปสงค์ในการละเมิดทางเพศต่อเด็ก

อุบายที่ผู้กระทำผิดใช้ล่อลวงเหยื่อ มักจะอยู่ในกลุ่มคำศัพท์ที่น่าสนใจ 4 คำนี้

Cyber Stalking ‘สะกดรอยเหยื่อ’

การสะกดรอยทางออนไลน์ ถือเป็นพฤติกรรมการติดตามและสะกดรอยตามบุคคลหนึ่งบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการสอดส่อง ตลอดจนสะกดรอยตามไปยังสถานที่ที่เหยื่ออาศัยอยู่ ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวยังไม่ถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย หากเป็นเพียงพฤติกรรมแอบส่องเฉยๆ ยังไม่เกิดความเสียหายขึ้นอย่างชัดเจน

Grooming ‘แต่งตัวก่อนตะปบ’

การตระเตรียมเด็ก เป็นขั้นตอนการสร้างความสัมพันธ์กับเด็ก โดยการสื่อสารกับเด็กผ่านอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ ด้วยเจตนาเพื่อล่อลวง ควบคุม หรือยุยงให้เด็กร่วมกิจกรรมทางเพศ โดยอาจมีการเดินทางมาพบเด็ก หรือชักจูงให้เด็กออกมาพบเพื่อล่วงละเมิดทางเพศจริงๆ หรือการล่วงละเมิดทางเพศเด็กผ่านทางออนไลน์

ทั้งนี้ ผู้ล่วงละเมิดมักค้นหาเด็กที่อยู่ในภาวะเปราะบางเช่น ปัญหาเรื่องความมั่นใจในตนเอง เด็กที่โดดเดี่ยว พฤติกรรมการเตรียมเด็ก ได้แก่ การสนองความต้องการของเด็ก เช่น ให้ความสนใจและของขวัญ การบังคับจิตใจ การควบคุม การสอนเรื่องเพศ และการทำให้เด็กรู้สึกชินชา สร้างความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็ก

Sexting ‘ข้อความเซ็กส์เสียว’

มาจากคำว่า Sex+Texting หมายถึง การที่เด็กหรือวัยรุ่นสร้าง แบ่งปัน และส่งต่อภาพที่ชวนให้นึกถึงภาพเปลือยหรือเกือบเปลือย ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และ/ หรือ อินเทอร์เน็ตส่วนมากเด็กมักส่งภาพหรือวีดีโอให้แฟน หรือเพื่อนที่ตนเองไว้ใจ

Sexting เป็นกระบวนการของคนร้ายที่ต้องการส่งต่อข้อความและ/หรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศของบุคคลนั้นๆ กับเด็กที่เป็นเหยื่อ โดยหวังให้เด็กโต้ตอบบทสนทนาด้วยเนื้อหาลักษณะเดียวกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งรูปภาพและ/หรือภาพเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับเรือนร่างหรืออวัยวะเพศเด็กคนนั้น

โดยภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวเหล่านี้ มักถูกส่งต่อกันในกลุ่มที่มีรสนิยมหรือความชื่นชอบดังกล่าว ซึ่งจากงานวิจัยของ UNODC พบว่าราว 88% ของเนื้อหาทางเพศที่เกี่ยวกับเด็กเกิดขึ้นจากโลกออนไลน์และถูกอัพโหลดขึ้นบนเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งเด็กที่เป็นเหยื่อเหล่านั้นไม่ได้ระมัดระวัง

Sextortion ‘หักหลังหวัง (มากกว่า) เพศ’

Sextortion หรือ Sexual Extortion เป็นการบังคับข่มขู่ทางเพศ เพื่อให้สนองความต้องการทางเพศ ให้เงินและสิ่งของอื่น หรือให้ผลิตสื่อทางเพศ ส่วนใหญ่มักเกิดจากความไม่เท่าเทียมกันของอำนาจ (ที่รับรู้ได้) ระหว่างผู้กระทำความผิดกับเด็กที่เป็นผู้เสียหาย ทำให้ผู้กระทำความผิด สามารถข่มขู่หรือบังคับให้เด็กตกลงตามข้อเรียกร้อง เช่น ส่งภาพโป๊เปลือยเพิ่มขึ้น ล่วงละเมิดทางเพศหรือด้านการเงิน บางกรณีการทารุณกรรมเลยเถิดจนเกินจะควบคุม จนทำให้ผู้เสียหายพยายามที่จะทำร้ายหรือปลิดชีวิตตนเอง เนื่องจากเป็นทางเดียวที่จะหนีจากวังวนนั้นได้

เพราะ “เหยื่อ” จากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศอาจเป็นบุตรหรือหลานของเรา จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติบ่งชี้ว่า เด็กไทยถึง 20% มีโอกาสตกเป็นเหยื่อจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ซึ่งไม่เพียงแค่เด็กหญิงเท่านั้น

แต่ยังรวมไปถึงเด็กชาย ทั้งยังขยายความรุนแรงไม่จำกัดเพียงกลุ่มเปราะบาง แต่รวมถึงผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตทุกชนชั้น ผู้มีฐานะดีก็สามารถตกเป็นเหยื่อของคนร้ายได้ ที่สำคัญ 10-31% ของเด็กอายุ 12-17 ปี ที่ถูกแสวงประโยชน์ทางเพศจากเด็กบนออนไลน์ “ไม่” เปิดเผยประสบการณ์ดังกล่าวกับผู้ใด เก็บเงียบไว้คนเดียว

แหล่งข้อมูล

https://www.springnews.co.th/digital-tech/technology/834369