สาร PFAS หรือ สารเคมีตลอดกาล อาจเป็นชื่อที่เราไม่คุ้นหูนัก แต่เริ่มมีการศึกษาพิษภัยมากขึ้นในปัจจุบัน จากแนวโน้มเพิ่มอัตราการเกิดมะเร็งตับและความผิดปกติมากมายอีกทั้งยากต่อการจัดการ แต่ล่าสุดสารละลายชนิดใหม่จะช่วยให้เราขจัดสารนี้จากน้ำในไม่กี่วินาที
การปนเปื้อนจากมลพิษถือเป็นเรื่องที่เราได้รับการเอาใจใส่มากขึ้น ภายหลังผู้คนเริ่มตระหนักถึงภัยจากฝุ่นละออง PM2.5 และ ไมโครพลาสติก มีการศึกษาผลกระทบทางสุขภาพเป็นวงกว้าง แน่นอนการปนเปื้อนยังไม่ได้หมดแค่นั้น เมื่อในความจริงยังคงมีสารพิษชนิดอื่นภายในสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย
ซึ่ง PFAS ก็เป็นอีกหนึ่งสารเคมีอันตรายที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง
PFAS สารเคมีที่ปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมได้นับร้อยปี
สารเคมี PFAS หรือ Per-and polyfluoroalkyl substances ที่เรารู้จักกันในชื่อ สารเคมีตลอดกาล เป็นกลุ่มสารเคมีที่มี คาร์บอน และ ฟลูออรีน เป็นองค์ประกอบหลัก ถือเป็นสารที่มีความเสถียรสูง มีคุณสมบัติทนทานความร้อน อีกทั้งป้องกันความชื้นและไขมันได้ดี จึงถือเป็นสารที่ได้รับความนิยมในการใช้งานนับแต่ทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา
สารชนิดนี้ถูกใช้งานเป็นส่วนประกอบหลักในอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์จำนวนมาก เช่น กาว, กระดาษ, โฟม, พรม, เสื้อผ้า, เฟอร์นิเจอร์, บรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร, เครื่องครัว ฯลฯ ช่วยเพิ่มคุณภาพ ความทนทาน ไปจนอายุการใช้งานของสินค้าจำนวนมาก แต่ด้วยคุณสมบัติคงทนยากต่อการย่อยสลาย PFAS จึงเป็นสารที่มีการปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆ
ปัจจุบันการปนเปื้อนของสาร PFAS แพร่กระจายเป็นวงกว้าง เริ่มจากอนุภาคขนาดเล็กปนเปื้อนลงสู่ทะเล ถูกลมหัดหอบขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นควบแน่นกลับมาเป็นน้ำฝนซึมลงไปในพื้นดิน เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม กระจายตัวไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ทวีปห่างไกลผู้คนอย่าง แอนตาร์กติกา
ข้อมูลจากงานวิจัยของ Stockholm University พบว่า น้ำฝนจากทั่วทุกมุมโลกล้วนมีการปนเปื้อนสาร PFAS ในระดับสูงเกินมาตรฐานความปลอดภัยน้ำดื่มของสหรัฐฯแทบทั้งสิ้น อีกทั้งยังสามารถพบการปนเปื้อนตามผิวดินและระบบนิเวศทั่วโลก ไม่ต่างจากไมโครพลาสติกในปัจจุบัน
เลวร้ายกว่านั้นคือปัจจุบันความตระหนักและเอาใจใส่ของผู้คนต่อสาร PFAS ค่อนข้างน้อย ทำให้ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข การปนเปื้อนของ PFAS อาจทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น เมื่อหลายประเทศมีแนวโน้มผ่อนปรนกฎหมายควบคุมสารชนิดนี้ด้วยอาจรบกวนภาคเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยก็ยังไม่มีกฎหมายควบคุมเป็นรูปเป็นร่างในปัจจุบัน
พิษภัยของสาร PFAS และความยากในการจัดการ
หัวข้อการปนเปื้อนของสาร PFAS ในมนุษย์ได้รับความสนใจมายาวนาน ทีมนักวิจัยเริ่มทำการตรวจสอบข้อมูลจำนวนมากก่อนพบว่า ชาวอเมริกันเกือบทั้งหมดล้วนมีร่องรอยการปนเปื้อนของสาร PFAS ภายในเลือด แตกต่างจากข้อมูลของฟากอุตสาหกรรมที่ยืนยันว่าสารชนิดนี้ไม่มีการสะสมภายในร่างกาย นำไปสู่การทดลองภายในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจสอบผลกระทบของสารชนิดนี้ต่อร่างกายของสัตว์ทดลอง พวกเขาพบว่าสาร PFAS มีคุณสมบัติสร้างความเสียหายต่อเซลล์ตับ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่สัมพันธ์ต่ออัตราการเกิดมะเร็งตับในมนุษย์
จากนั้นจึงเริ่มมีการเก็บข้อมูลจากอาสาสมัครกว่า 200,000 ราย ทำการตรวจสอบค่าการปนเปื้อนสาร PFAS ในเลือดช่วงทศวรรษ 1990 หลังจากติดตามข้อมูลในภายหลัง ผู้ที่มีระดับการปนเปื้อนภายในเลือดสูงมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับสูงกว่าผู้ที่มีระดับการปนเปื้อนต่ำถึง 4.5 เท่า
นอกจากนี้เป็นไปได้สูงว่าการปนเปื้อนและได้รับสารนี้ในปริมาณมาก มีโอกาสสูงที่ทำให้เกิดโรคและความผิดปกติหลากหลายชนิด ตั้งแต่ภาวะมีบุตรยาก, ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, หลอดลมอักเสบ, เบาหวาน, ไทรอยด์ ไปจนน้ำหนักแรกเกิดของเด็กทารกต่ำกว่าเกณฑ์ แม้ยังไม่มีการศึกษาวิจัยเพื่อทำการยืนยันก็ตาม
ส่วนร้ายแรงที่สุดคือปัจจุบันการขจัดสารปนเปื้อนชนิดนี้เป็นเรื่องยาก นอกจากผู้คนไม่ค่อนตระหนักถึงอันตรายในส่วนนี้ การตรวจวัดเพื่อค้นหาและวัดค่าปริมาณสารชนิดนี้ภายในน้ำค่อนข้างซับซ้อน สวนทางกับอัตราแพร่กระจายการปนเปื้อนที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งการขจัดสารนี้ออกจากน้ำก็เป็นเรื่องยาก เนื่องจากกระบวนการกรองสารชนิดนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
แต่อาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเมื่อมีการคิดค้นสารละลายชนิดใหม่ที่จะขจัดสาร PFAS ในไม่กี่วินาที
สารละลายแม่เหล็กที่ช่วยขจัดสาร PFAS ออกจากน้ำ
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก University of Queensland กับการคิดค้นสารละลายชนิดใหม่ในการขจัดสารนี้ออกจากน้ำ โดยเมื่อทำการใส่สารนี้ลงไปในน้ำที่มีสาร PFAS ปนเปื้อน สารละลายจะเข้าไปจับตัวกับสารเคมี จนสามารถแยกสารเคมีชนิดนี้ออกจากน้ำที่ใช้ในการบริโภคอย่างง่ายดาย
กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้จากการพัฒนาสารละลายชนิดใหม่ เมื่อทำการใส่สารนี้ลงไปในน้ำปนเปื้อน สารละลายจะตรงเข้าไปจับกับสาร PFAS เปลี่ยนคุณสมบัติของสารพิษชนิดนี้ให้กลายเป็นแม่เหล็ก จากนั้นอาศัยกระบวนการดูดโลหะออกจากน้ำ เท่านั้นก็จะสามารถขจัดสารเคมี PFAS ที่ตกค้างได้ทันที
ข้อดีของสารละลายคือเมื่อเทใส่ลงในน้ำสามารถเข้าไปจับกับโมเลกุลสาร PFAS อย่างรวดเร็ว จากนั้นจะขจัดสารเคมีตกค้างภายในน้ำได้ถึง 95% ภายในระยะเวลาเพียง 30 วินาที อีกทั้งสามารถนำมาใช้งานซ้ำได้แม้ผ่านการใช้งานไปแล้วมากถึง 10 ครั้ง โดยมีต้นทุนทางการผลิตไม่สูงนัก
จุดเด่นอีกประการของการขจัด PFAS ด้วยสารละลายชนิดนี้คือ พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหรือแหล่งพลังงานจากภายนอก แตกต่างจากกรรมวิธีในการใช้ รังสี UV, ความร้อน หรือไฮโดรเจน สามารถใช้งานได้สะดวกแม้ในพื้นที่ห่างไกลที่ขาดแคลนเครื่องไม้เครื่องมือหรือเข้าไม่ถึงกระแสไฟฟ้า ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงน้ำสะอาดง่ายขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันสารละลายชนิดนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาและคาดว่าจะพร้อมวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ภายใน 3 ปี
จริงอยู่ผลการศึกษาวิจัยพิษภัยของ PFAS ในปัจจุบันอาจยังมีไม่มาก แต่จากแนวโน้มและความตื่นตัวของนักวิทยาศาสตร์ก็อาจเป็นอีกหนึ่งข้อยืนยันความอันตรายของสารพิษชนิดนี้ คงต้องรอดูต่อไปว่าเมื่อใดผู้คนจะเริ่มตระหนักในจุดนี้ และหันมาหาวิธีควบคุมการปนเปื้อนอย่างจริงจังกันเมื่อใด
แหล่งข้อมูล