น่ากลัว! แค่เสียงเราถูกบันทึกออนไลน์ คนอื่นก็สามารถ ‘โคลน’ เสียงไปใช้พูดอะไรก็ได้

Share

Loading

ในโลกยุคโบราณ ‘เสียง’ ของบุคคลเป็นสิ่งที่แสดงการดำรงอยู่ของตัวตนเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งถ้าใครศึกษาปรัชญาโบราณก็จะพบว่า เขาจะให้ความสำคัญต่อการพูดคุยมากกว่าการเขียนอ่าน เพราะการพูดคุยมันต้องทำแบบเห็นหน้า และนั่นจะเป็นการลดโอกาสความคลาดเคลื่อนของสารได้มากกว่า

แม้แต่ในยุคปัจจุบัน คนจำนวนมากก็สบายใจในการพูดบางเรื่องแบบโทรศัพท์คุยหรือคุยต่อหน้ามากกว่าจะคุยกันผ่านกล่องข้อความ เพราะรู้สึกว่ามันมีความจริงแท้บางอย่างอยู่ในการสื่อสารกันผ่านการสั่นไหวของเส้นเสียงในลำคอมนุษย์ แต่พอเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง ทุกอย่างก็เปลี่ยน

หลายคนคงรู้แล้วว่า AI ทำการ ‘เลียนเสียง’ คนมาได้พักใหญ่แล้ว และหลายๆ แพลตฟอร์มก็เพิ่งจะ ‘เปิดตัว’ เทคโนโลยีพวกนี้ให้ใช้กันในปีนี้ โดยเจ้าดังคือ ElevenLabs …และหายนะก็บังเกิดแทบจะทันที เพราะหลังจากเทคโนโลยีเปิดให้คนทั่วไปใช้ มันก็มีคนที่ทะลึ่งใช้เทคโนโลยีพวกนี้กับพวกเสียง ‘คนดัง’ ทั้งหลาย ให้พูดสิ่งที่ ‘น่ารังเกียจ’ ในมาตรฐานสังคมตะวันตกปัจจุบันสารพัด เช่น ใช้เสียง เอมมา วัตสัน (Emma Watson) อ่านหนังสือของฮิตเลอร์ และอย่างอื่นๆ อีกสารพัด ซึ่งบางทีก็ลามไปถึงการพูดในสิ่งผิดกฎหมายด้วย

มันจึงเป็นเทคโนโลยีที่น่ากลัวมากๆ เพราะมันล้อเล่นกับ ‘ความเชื่อ’ ของคนในสังคมที่ว่า ถ้าเป็นเสียงคนพูด มันจะ ‘จริง’ กว่าการอ่านข้อความ มันสามารถ ‘เชื่อได้’ มากกว่า และทำให้คน ‘เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน’ มากกว่า ‘เชื่อในสิ่งที่อ่าน’

เรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนพวกเจ้าของแพลตฟอร์มนั้นแบนบัญชีแทบไม่ทัน

แต่ความเถื่อนนี้ก็ยังไม่จบ เพราะล่าสุดช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2023 เริ่มมีการ ‘ทวีต’ ไฟล์เสียง ซึ่งเป็นพวกเสียงของนักพากย์เกม นักลงเสียง ที่บางครั้งก็บอกชี่อและที่อยู่ของตัวเอง บางครั้งก็พูดสิ่งที่น่ารังเกียจ

ซึ่งแน่นอน พวกนักพากย์ออกมาปฏิเสธทั้งหมดว่าตัวเองไม่ได้พูด และพวกเขาตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยี ‘โคลนเสียง’ ที่คนจงใจจะใช้เล่นงานพวกเขา

นี่ทำให้ช็อกยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นการพิสูจน์ว่า ถึงมีข้อมูลเสียงเพียงนิดหน่อย เสียงก็สามารถถูกโคลนไปพูดอะไรก็ได้ และคุณไม่ต้องเป็นคนดังด้วยซ้ำ แค่มีเสียงคุณถูกบันทึกเอาไว้ในโลกออนไลน์คุณก็โดนได้ และมันสร้างความปวดหัวให้กับพวกนักพากย์และนักบรรยายมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากที่พวกเขาเริ่มเป็นเป้าการถูกคุกคามด้วยการ ‘โคลนเสียง’ แล้ว พวกบริษัทต่างๆ ที่จ้างงานพวกเขาในยุคหลังๆ ก็เริ่มทำสัญญาแบบมัดมือชก ให้พวกเขาอนุญาตให้บริษัทเอาเสียงของพวกเขาไป ‘โคลน’ เพื่อคราวหน้าจะได้ไม่ต้องจ้างพวกเขาอีกด้วย

และก็ต้องย้ำว่า นี่คือเทคโนโลยีที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2023 หรือเป็นเทคโนโลยีที่คนเริ่มใช้ยังไม่ถึง 2 เดือนดี มันยัง ‘วุ่นวาย’ ขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจว่าช่วงต่อๆ ไปมันจะหนักข้อขึ้นอีก

ซึ่งก็อย่างที่หลายๆ คนพูดนั่นแหละว่า ปี 2022 ที่มี AI ออกอาละวาดหลายต่อหลายตัวน่ะมันแค่การ ‘โหมโรง’ แต่ในปี 2023 นี่แหละ จะเป็น ‘การปฏิวัติ AI ของจริง’

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/brandthink.me/photos/a.1767934240198787/3583400808652112/