อีลอน มัสก์ และผู้นำธุรกิจไฮเทคอื่นๆ เรียกร้องให้หยุดแข่งพัฒนาเอไอ อย่างน้อย 6 เดือน เพราะการแข่งกันพัฒนาเอไอที่ไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ อาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อสังคมและมวลมนุษยชาติ
บรรดาผู้นำธุรกิจไฮเทค ศาสตราจารย์และนักวิจัยหลายสิบคน ซึ่งหนึ่งในนี้หมายรวมถึง อีลอน มัสก์ ด้วย พวกเขาร่วมลงนามจดหมายเปิดผนึก ได้รับการตีพิมพ์โดยสถาบันฟิวเจอร์ ออฟ ไลฟ์ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่สนับสนุนโดยมัสก์
ทั้งนี้ เนื้อความในจดหมายเป็นการเรียกร้องให้นักพัฒนาด้านเทคโนโลยีหยุดพัฒนาเอไอชั่วคราว กรอบกำหนดมีขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ หลังบริษัท OpenAI ประกาศเปิดตัว GPT-4 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของเอไอแชทบ็อทเป็น ChatGPT ซึ่งกำลังได้รับการกล่าวขวัญถึงในขณะนี้
จากการทดสอบและสาธิตการใช้งานในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ พบว่า มีความสามารถในการร่างสำนวนคดี เพื่อนำไปใช้สอบด้วยระบบที่ได้มาตรฐาน และออกแบบเว็บไซต์สำหรับองค์กรจากการร่างภาพลายเส้น
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในจดหมายได้ระบุให้ทุกฝ่ายควรหยุดการพัฒนาระบบเอไอ ที่ทรงอานุภาพมากกว่า GPT-4 และมองว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระควรร่วมกันจัดทำสนธิสัญญาและนำออกมาใช้เพื่อให้การใช้งานเอไอเป็นไปอย่างปลอดภัยจริงๆ
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าของเอไออาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตบนโลก แต่โชคร้ายที่ทุกฝ่ายยังไม่คิดจะวางแผนหรือจัดการเรื่องนี้ได้ดีพอ
ภายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ยังคงเห็นว่าห้องทดลองเอไอพากันแข่งพัฒนาและติดตั้งระบบเอไอที่ทรงอานุภาพมากขึ้น ทั้งที่คนที่พัฒนาเองก็ยังไม่สามารถเข้าใจ คาดเดา หรือ ควบคุมได้อย่างจริงจัง และถ้ายังไม่มีการหยุดในเรื่องนี้ จดหมายฉบับนี้จะส่งไปเสนอให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาจัดการ
อนึ่ง ChatGPT ยังคงได้รับความสนใจอย่างมากก่อให้เกิดการแข่งขันในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาและติดตั้งเอไอในผลิตภัณฑ์ของตนโดยมีไมโครซอฟท์ และ Google เป็นผู้นำเทรนด์ นอกจากนี้ ยังมี ไอบีเอ็ม อะเมซอน ไป่ตู้ และเทนเซนต์ ก็กำลังพัฒนาด้วยเช่นกัน รวมทั้งยังมีพวกสตาร์ทอัพ หรือ บริษัทเทคโนโลยีเกิดใหม่จำนวนมาก ร่วมผสมโรงเข้าไปด้วย จึงส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญเอไอเริ่มวิตกมากขึ้นแล้วว่า หากเอไอตอบโต้ด้วยข้อมูลที่เป็นอคติ ถ่ายทอดและแพร่กระจายข้อมูลแบบผิดๆ อาจกระทบกับความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค รวมทั้งยังก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า เอไออาจทำลายอาชีพต่างๆ ก็เป็นได้ เช่น การช่วยให้เด็กโกงการสอบ การโจรกรรมข้อมูล รวมถึงอาจส่งผลกระทบกับสัมพันธภาพของมนุษย์
ทั้งนี้ มีหน่วยงานของรัฐบางแห่งในจีน สหภาพยุโรป และสิงคโปร์ ออกมาแนะนำให้ใช้กรอบธรรมาภิบาลเอไอในขั้นเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาเอไอของไมโครซอฟท์ เคยออกมาให้ข้อมูลว่า ChatGPT ที่พัฒนาภายใต้ระบบคลาวด์และเอไอของไมโครซอฟท์จะต้องถูกตรวจสอบและต้องวัดผลในเรื่องหลักธรรมาภิบาลตามหลักการทุกชิ้นก่อนปล่อยออกสู่สาธารณะ เพื่อให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน
แหล่งข้อมูล