ถ้าวันนี้อยากได้คำตอบเรื่องใด ก็หาคำตอบจากสมาร์ตโฟน วันนี้จดจ่ออยู่กับสมาร์ตโฟนได้จนลืมเวลา วันนี้รีบร้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูในทันทีที่มีเสียงเตือน หรือไม่ก็หยิบมาเปิดดูเป็นระยะๆ เพราะเกรงว่าจะพลาดเรื่องสำคัญ
ถ้าวันนี้การตอบไลน์ การใช้โซเชียลมีเดียดูสำคัญกว่าการทำกิจกรรมอื่นๆ รวมไปถึงสำคัญกว่าการหลับนอน จนอยู่กับหน้าจอดิจิทัลได้จนดึกดื่นโดยไม่ง่วงนอน กูเกิลบอกว่าเป็นสัญญาณว่ากำลังมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีในทางดิจิทัล ซึ่งอาจจะตามมาด้วยสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ไม่ดีในวันหน้าอีกด้วย
กูเกิลเน้นว่า การใช้เทคโนโลยีในวิถีชีวิตของคนเรานั้น อาจทำให้เราไขว้เขวไปจากหลายกิจกรรมที่มีความสำคัญกับชีวิต และได้ทำแอปชื่อ Digital Wellbeing มาช่วยบันทึกเวลาที่ใช้โทรศัพท์ในกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ทราบว่าได้ใช้เวลาไปกับโทรศัพท์มากเกินไปหรือไม่ จะได้ปรับการใช้งานลดลงให้เรามีเวลากับสิ่งดีๆ ในชีวิตมากกว่าที่จะทุ่มเวลาในชีวิตให้กับหน้าจอดิจิทัล
ถ้าหน้าจอโทรศัพท์กลายเป็นสรณะในแทบทุกช่วงเวลาของชีวิต ให้ลองทำใจเป็นกลาง แล้วทบทวนดูว่าวันนี้ ความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัวดีขึ้น หรือย่ำแย่ลง
ถ้าขลุกอยู่กับหน้าจอดิจิทัลจนลืมกิน ลืมนอน แต่พรรคพวกเพื่อนฝูงที่คบค้าไม่แตกแยกวงออกไป คนใกล้ชิดยังหวานชื่นกันเหมือนเดิม ก็ไม่ต้องกังวลอะไร ใช้มากก็จริง แต่ใช้แล้วชีวิตไม่มีอะไรเสียหาย แถมอาจเติมเต็มความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นอีก
แต่ต้องระวังด้วยว่าไม่ใช่การประเมินด้วยความลำเอียง ลองดูง่ายๆ ว่าที่ประเมินว่าทุกอย่างยังดีอยู่นั้นลำเอียงหรือไม่ ด้วยการดูว่ากินข้าวกับใคร คุยกับใครแล้ว เขาแสดงท่าทางให้เห็นว่าเขาสำคัญน้อยกว่าการตอบไลน์ที่เรากำลังสาละวนอยู่ต่อหน้าบ้างหรือไม่
มีคนไม่น้อยที่มีปัญหาความเป็นอยู่ไม่ดีทางดิจิทัล โดยไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหา แต่ถ้าวันหนึ่งตระหนักว่าความเป็นอยู่ทางดิจิทัลไม่สู้ดีนัก และตั้งใจจะแก้ไขให้ทุเลาลงไป ให้เริ่มต้นจากการบันทึกการใช้งานดิจิทัลใกล้ตัวทั้งหลาย
บันทึกไว้ว่าในวันหนึ่งนั้น หมดเวลาไปกับหน้าจอเพื่อกิจกรรมอะไรบ้าง มีแอปหลายตัวที่ช่วยงานนี้ได้ ถ้าใช้ iOS ก็ลองดูแอป Screen Time ถ้าเป็น Android ก็ลองใช้ Quality Time มาติดตามสักสองสามวันก็จะตระหนักได้ว่าใช้มากน้อยแค่ไหน
เวลาในการอยู่กับหน้าจอดิจิทัลนั้น จะมากไปหรือไม่ขึ้นกับแต่ละคน ถ้าใช้แค่นี้แล้วทุกอย่างรอบตัวยังคงดีอยู่ ความสัมพันธ์กับคนรอบตัวยังดีอยู่ ก็ใช้แค่นั้นเป็นขอบเขตที่จะพยายามไม่ให้มากเกินไปกว่านั้น
แต่ถ้าใช้แล้วความสัมพันธ์กับคนรอบตัวเริ่มมีปัญหา ให้พยายามกำหนดเพดานระยะเวลาการใช้งานหน้าจอดิจิทัลให้ลดลงกว่าที่ใช้อยู่เดิม
ถ้าใจไม่แข็งพอที่จะควบคุมตนเองไม่ให้ใช้งานมากเกินไป ให้ลองหาแอปจำกัดเวลาการใช้งานมาเป็นผู้ช่วย เน้นอีกครั้งว่า เวลาใช้มากหรือไม่มากนั้นของแต่ละคนขึ้นกับบริบทการงานของแต่ละคน และอย่าประเมินลำเอียงเข้าข้างตนเองว่าทุกอย่างยังดีเหมือนเดิม ให้พยายามมองไปรอบตัวด้วยใจเป็นกลาง จะรู้ตัวได้ว่าความเป็นอยู่ทางดิจิทัลนั้นยังคงดีอยู่หรือไม่
ในระหว่างที่อยู่กับกิจกรรมอื่นๆ ควรลดการดึงความสนใจมาที่หน้าจอดิจิทัลด้วยการจำกัดการแจ้งเตือน ลองปรับการแจ้งเตือนให้เหลืออยู่เฉพาะเรื่องที่สำคัญจริงๆ กับชีวิต และการงาน เพื่อที่จะได้ไม่ไขว้เขวไปจากกิจกรรมอื่นๆ ที่ดีกับชีวิตที่กำลังทำอยู่นั้น พยายามอย่าให้มีการแจ้งเตือนพร่ำเพรื่อ ถ้าใช้มากมายหนักหนาจนเบียดบังเวลาหลับนอน อาจต้องใช้ฟังก์ชันห้ามรบกวน มาจำกัดการแจ้งเตือนในเวลาที่ควรจะหลับนอน เสริมขึ้นมาด้วย
นอกเหนือไปจากการใช้เวลามากเกินไปกับหน้าจอดิจิทัลแล้ว การดูแลให้ตนเองปลอดภัยจากสารพัดภัยทางไซเบอร์ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีทางดิจิทัล
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในเรื่องการดูความมั่นคงทางไซเบอร์อย่างเคร่งครัด ในแต่ละวันมีคนถูกหลอกลวงจากโจรดิจิทัลมูลค่าเป็นสิบล้าน ถ้าไม่ดูแลตนเองดีๆ ดิจิทัลจะกลายเป็นเครื่องมือสร้างทุกข์ แทนที่จะสร้างประโยชน์
แหล่งข้อมูล