เมื่อเอ่ยถึง จังหวัดกระบี่ หลายคนอาจนึกถึงเพียงทะเลฝั่งอันดามันที่งดงาม น้ำทะเลใส หาดทรายขาวสวยสุดลูกหูลูกตา ทว่า รู้หรือไม่ว่า กระบี่ ยังมีดีมากกว่าทะเล เพราะที่ อำเภอคลองท่อม นอกจากความโดดเด่นในเรื่องธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แล้ว ที่ คลองท่อม กระบี่ ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่มี “น้ำพุร้อนเค็ม” แห่งเดียวของประเทศไทย และเป็นเพียง 1 ใน 2 แห่งในโลก โดยอีกแห่งหนึ่งอยู่ใน สาธารณรัฐเชค แถบยุโรปตะวันออก
และ คลองท่อม กระบี่ ไม่ได้มีดีแค่ น้ำพุร้อนเค็ม เท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีความพิเศษของแหล่งท่องเที่ยวอีก 2 แห่ง ให้ได้มาเยี่ยมชม นั่นคือ น้ำตกร้อน และสระมรกต ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างยาวนาน โดยอยู่ในความดูแลของ อบต.คลองท่อมเหนือ
แต่อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา น้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อบต.ห้วยน้ำขาว ที่พัฒนาร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน กระทั่งเป็น “บ่อน้ำพุร้อนเค็ม” และเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวนั้น ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ทั้งที่มีคุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์ ช่วยเยียวยาสุขภาพร่างกายได้มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิของน้ำที่ไม่ร้อนมากจนเกินไป น้ำมีความใสสะอาดเมื่อสะท้อนกับท้องฟ้าจะเป็นสีมรกต และได้รับการพิสูจน์จากนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่ใกล้เคียงและจากทั่วประเทศที่ต่างปักหมุดมายัง น้ำพุร้อนเค็ม ที่ คลองท่อม กระบี่ เพื่อมาแช่น้ำที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคเบาหวาน โรคปวดเมื่อยตามข้อกระดูก โรคไหลเวียนโลหิต โรคผดผื่นคัน โดยแช่เพียง 10-15 นาที อย่างสม่ำเสมอ อาการเจ็บป่วยไม่พึงประสงค์ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยเหตุนี้ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. จึงได้ดำเนินการศึกษาศักยภาพและความเหมาะสมของ คลองท่อง กระบี่ เพื่อเตรียมการประกาศให้เป็น “พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ครอบคลุมบริเวณ น้ำตกร้อน สระมรกต น้ำพุร้อนเค็ม และพิพิธภัณฑ์ลูกปัดคลองท่อม ภายใต้แนวคิด “คลองท่อมเมืองสุขภาพ Wellness City” นั่นเอง
อพท. เล็งเห็น ศักยภาพ คลองท่อม กระบี่ พร้อมดันสู่เมือง Wellness City ระดับโลก
ก่อนที่จะไปรับรู้แนวคิดของการส่งเสริมให้พื้นที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เป็น “พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” จาก นาวาอากาศเอกอธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. มารู้กันก่อนว่าการใช้กลไกการพัฒนา พื้นที่พิเศษฯ นี้จะทำให้เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วนได้อย่างไร
ทั้งนี้ เป้าหมายในการพัฒนา พื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นี้ นับเป็นกลไกสำคัญของการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ โดย อพท. ทำหน้าที่เป็นองค์กรที่มาประสานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน รวมไปถึงองค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้มาร่วมพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกัน โดยทำคู่ขนานไปกับชุมชน
อานิสงส์จากการพัฒนานี้ จะส่งให้ชาวบ้านในท้องถิ่นได้แหล่งเที่ยวใหม่ นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวหลักที่มีคนรู้จักอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการส่งเสริมศักยภาพให้กับชุมชน สร้างจิตสำนึกในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม พัฒนาความเจริญให้เกิดกับชุมชนและพื้นที่ในระยะยาว
โดยในปัจจุบัน อพท. เป็นหน่วยงานหลักที่ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อกำหนดเป้าหมายของการทำงานให้ชัดเจน ตั้งแต่การวางผังเมือง ระบบบริหารจัดการและดูแลสิ่งแวดล้อม การจัดการการท่องเที่ยว ตลอดจาการรักษาให้เกิดความสงบ เรียบร้อย เพื่อบูรณาการให้เกิดความยั่งยืนได้จริง
โดย นาวาอากาศเอกอธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. ได้กล่าวถึงศักยภาพของ พื้นที่ คลองท่อม จ.กระบี่ ที่เป็นหมุดหมายล่าสุดของการส่งเสริมและผลักดันให้เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า
“จากการลงพื้นที่ เราได้เห็นจุดเด่นของ น้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ของ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ่งพร้อมส่งเสริมให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวด้าน Wellness Tourism เพราะ น้ำพุร้อนเค็ม นี้ มีแร่ธาตุสูงที่เป็นประโยชน์ในด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ซึ่งในปัจจุบันได้มีภาคเอกชนนำจุดเด่นนี้ไปสร้างเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้แล้ว ขณะที่การลงทุนในภาครัฐยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม รวมทั้งการควบคุมคุณภาพน้ำและปริมาณการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การเพิ่มและการกระจายรายได้สู่ชุมชนในพื้นที่อย่างทั่วถึงในมิติของแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ”
“และการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษฯ จะทำให้ อพท. เข้ามาทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางประสานกับหน่วยงานอื่นๆ อาทิ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อดำเนินการเรื่องการใช้น้ำ การใช้ประโยชน์จากที่ดิน การจัดทำผังเมือง ตลอดจนประสานงานกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เพื่อพิจารณาจัดทำสิทธิประโยชน์ชักชวนนักลงทุนเข้ามาในพื้นที่”
“หากดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นี้ ชุมชนและท้องถิ่นจะได้ประโยชน์จากการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาคน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เศรษฐกิจท้องถิ่นย่อมเติบโตได้อย่างแน่นอน”
ด้าน วัฒนา สินธุเจริญ ปลัดเทศบาลตำบลห้วยน้ำขาว ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในฐานะหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่น้ำพุร้อนเค็มว่า
“บ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม มีลักษณะเป็นบ่อน้ำผุดมาจากชั้นใต้ดินตามธรรมชาติ น้ำมีรสเค็ม เกิดจากการผสมกันของน้ำร้อนและน้ำทะเลในระดับลึกก่อนที่โผล่พ้นพื้นดินเป็นน้ำพุร้อน ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนธรรมชาติ มีบ่อน้ำพุร้อนเค็มกระจายอยู่รอบพื้นที่จำนวน 14 บ่อ แต่ละบ่อมีความเค็มประมาณ 10 ppm น้ำร้อนมีอุณหภูมิ40-47 องศาเซลเซียส”
“โดยในปัจจุบัน เราได้ร่วมมือกับชุมชนเพื่อพัฒนาเส้นทางเดินชมธรรมชาติป่าชายเลน ระหว่างเส้นทางสามารถแวะ ศูนย์แพทย์แผนไทยน้ำพุร้อนเค็ม ที่บริหารจัดการภายใต้ความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ ซึ่งมีการให้บริการ นวดตัว นวดฝ่าเท้ากดจุด นวดอโรม่า นวดประคบ นวดน้ำมัน นวดผ่อนคลาย และขัดผิว โดยผู้มาเข้ารับบริการถ้ามาในตอนเช้า ก็สามารถแช่ตัวก่อน เพื่อรับแร่ธาตุที่ดีจากน้ำพุร้อนเค็ม ช่วยผ่อนคลายร่างกาย แล้วจึงไปนวด แต่หากมาตอนเที่ยงหรือในช่วงบ่ายที่แดดร้อน แนะนำให้มารับการนวดก่อน แล้วค่อยลงสระเพื่อแช่น้ำ”
“ที่ผ่านมา เราตั้งใจพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว บ่อน้ำพุร้อนเค็ม นี้ ให้ไปเชื่อมกับแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอยู่แล้วอย่าง สระมรกต น้ำตกร้อน ที่อยู่ในความดูแลของ อบต.คลองท่อมเหนือ เช่นกัน โดยนำจุดขายของแต่ละแห่งมาเชื่อมโยงเป็นเส้นทางท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งการที่ อพท. ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นพลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ท้องถิ่นสามารถจัดทำและยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวนี้สู่มาตรฐานสากลได้เร็วขึ้น”
แชร์โมเดลธุรกิจ Amataya Wellness สู่การร่วมพัฒนา บ่อน้ำพุร้อนเค็ม คลองท่อม กระบี่ ให้ได้มาตรฐานระดับโลก
ดังที่เกริ่นมาแล้วว่าภารกิจในการมาผลักดันให้ คลองท่อม กระบี่ เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น อพท. ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อมาร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งในอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ก็มีโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ จากการนำจุดเด่นของน้ำพุร้อนเค็มที่นี่มาเป็นจุดขาย
จากนั้นได้ร้อยเรียงสรรพคุณของการมาแช่น้ำพุร้อนเค็มเพื่อบำบัดอาการเจ็บป่วย สร้างเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพตามเทรนด์ Wellness Tourism นั่นคือ Amataya Wellness ซึ่งเป็นศูนย์ฟื้นฟู ดูแลสุขภาพครบวงจรด้วย “น้ำพุร้อนเค็ม” แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการนำร่องของ “คลองท่อม เฮอริเทจ”
นฤพันธ์ พรหมวิเศษ รองผู้อำนวยการ Amataya Wellness ได้บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการสร้าง “คลองท่อม เฮอริเทจ” และ Amataya Wellness ให้เป็นเมืองแห่งคนรักสุขภาพ (Wellness City) และผู้คนอายุยืนระดับโลก (Blue Zone) ด้วยการชูจุดเด่นสำคัญของ “น้ำพุร้อนเค็ม” หนึ่งเดียวในประเทศไทย และไม่กี่แห่งบนโลกใบนี้ ที่สามารถช่วยฟื้นฟูบำบัดโรคและบำรุงให้สุขภาพแข็งแรง
“เมื่อเรียนจบ ก็ได้มาช่วยดูแลธุรกิจขุดเจาะน้ำบาดาลของครอบครัว แล้ววันหนึ่งก็ไปเจาะพบน้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งอยู่ใกล้น้ำพุร้อนเค็มของเทศบาลที่ดูแลบริหารจัดการอยู่ แล้วผมก็เห็นคนมากมายลงไปแช่ตัวเพื่อรักษา และหลังจากนั้นไม่นาน คุณพ่อก็ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ระยะหนึ่ง พอกลับมาอยู่บ้านคุณเอกจึงพาคุณพ่อไปลองแช่บ่อน้ำพุร้อนเค็ม แล้วอาการดีขึ้น ตัวผมเองก็ลองแช่ด้วย ปรากฏว่าแช่แล้วสุขภาพดีขึ้นจริง”
“เมื่อเป็นแบบนี้ เลยทำให้เกิดไอเดียว่าหากมีบ่อน้ำพุร้อนเค็มไว้แช่เองทุกวันคงจะมีสุขภาพดี ซึ่งต่อมาก็ได้ต่อยอดไปสู่ความคิดว่า แล้วทำไมเราถึงไม่แบ่งปันสิ่งดีๆ และสุขภาพที่ดีให้กับทุกๆคนบนโลกด้วย คิดได้แบบนี้แล้วผมจึงมีแนวคิดที่จะสร้าง คลองท่อมเฮอริเทจ ขึ้นมา”
“หลังจากนั้น จึงจัดหาที่ดินโครงการราว 300-400 ไร่ ควบคู่ไปกับการเดินทางไปศึกษาแหล่งน้ำพุร้อน แหล่งน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงทั่วไทยและทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เยอรมัน ไอซ์แลนด์ ทำให้มั่นใจในสิ่งที่ประเทศไทยมีอยู่คือน้ำพุร้อนเค็ม อ.คลองท่อม ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย”
“โครงการคลองท่อมเฮอริเทจ ประกอบด้วย 12 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเวลเนสทั้งหมด ตั้งแต่บ้านพักอาศัย บ้านผู้สูงอายุ สปา แพทย์ทางเลือก น้ำพุร้อนเค็ม ฯลฯ แต่พอโควิด-19 มาพร้อมกับเมกะเทรนด์ของโลกปัจจุบันคือผู้สูงอายุคุณเอกเลยคิดว่าควรเริ่มต้นจากธุรกิจด้านผู้สูงอายุและผู้ป่วยก่อน”
“ด้วยเหตุนี้ จึงสร้างโครงการ อมาตยา เวลเนส (Amataya Wellness) ที่ประกอบด้วย โรงพยาบาลกายภาพบำบัด อมาตยา เพื่อการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยการดูแลแบบองค์รวมผสานน้ำพุร้อนเค็มแห่งแรกของโลก และนวดแผนไทย เพื่อการป้องกันและฟื้นฟู โดยในโครงการแรกนี้ยังมีที่พักอาศัยที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ผสมผสานการใช้ชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติ พร้อมบ่อน้ำพุร้อนเค็มส่วนตัวในบ้าน ทุกหลัง”
“โดยทาง Amataya Wellness มีความยินดีที่ทาง อพท. ได้เข้ามาในพื้นที่ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เพื่อส่งเสริมให้พื้นที่คลองท่อมเป็น พื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งทาง Amataya Wellness และโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ มีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือ เป็นพี่เลี้ยงในการแนะนำด้านการส่งเสริมให้ บ่อน้ำพุร้อนคลองท่อม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐานสากลต่อไป”
อพท. วางแผนประกาศให้แหล่งท่องเที่ยวใน อ.คลองท่อม เป็นพื้นที่พิเศษฯ ภายในปี 2567
ผู้อำนวยการ อพท. ยังเน้นย้ำว่า ภายหลังจากการศึกษาศักยภาพและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของพื้นที่แล้ว อพท.จะสรุปผลและนำเสนอคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และพิจารณาเพื่อประกาศเห็นชอบให้คลองท่อมเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยกระบวนการทั้งหมดนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567
“หากการประกาศให้ อ.คลองท่อม เป็นพื้นที่พิเศษฯเป็นไปตามที่วางแผนไว้ จะนำไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนคลองท่อม ที่ต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่ประกอบด้วยจังหวัด ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และ สตูล และแผนยุทธศาสตร์ชาติ BCG Model ที่มีแนวคิดหลักในการนำคุณค่าทางทรัพยากรที่มีอยู่ มายกระดับ สร้างมูลค่าเพิ่ม ดึงเงินลงทุนเข้ามาในพื้นที่ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามลำดับ”
“และในอนาคต หลังจากที่ประกาศให้คลองท่อม เป็นพื้นที่พิเศษฯแล้ว อพท. จะไปถ่ายทอดความรู้ให้กับท้องถิ่นและชุมชน ได้แก่ เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria : GSTC) เกณฑ์การพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนของประเทศไทย (CBT Thailand) เพื่อยกระดับคลองท่อมให้เป็น Wellness City เหมือนกับหลายเมืองในประเทศญี่ปุ่น”
“จากนั้น อพท. ยังวางแผนว่าจะเข้าไปยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก การบริหารจัดกการ และเชิญชวนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องและมีศักยภาพเข้ามาพัฒนาคลองท่อม ให้เป็นมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นแหล่งฟื้นฟูและดูแลสุขภาพ รวมถึงเสนอให้พื้นที่นี้เข้าสู่เวทีในระดับสากลเพื่อสร้างการยอมรับและการรับรู้ในตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น การเสนอชื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก หรือ TOP 100 (Green Destinations Top 100 Stories)”
โดยจากข้อมูลล่าสุด ในช่วงปลายปี 2565 ถึงปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดกระบี่แบบก้าวกระโดด โดย 5 เดือนแรก ปี 2566 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวกระบี่ประมาณ 1.8 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปและชาวอาหรับ ซึ่งมีความชื่อนชอบในโปรแกรมดูแลสุขภาพ
ดังนั้นการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวคลองท่อมให้มีศักยภาพในการรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายนี้ได้ จนเกิดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังพื้นที่คลองท่อม และสามารถเชื่อมโยงไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลและเกาะต่างๆ เช่น เกาะลันตาน้อย เกาะลันตาใหญ่ อ่าวนาง ช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับเศรษฐกิจเมืองกระบี่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2023/07/17/push-klongtom-krabi-to-wellness-city-of-thailand/