โพลญี่ปุ่นชี้ บริษัทเริ่มใช้ AI ในการทำงานแล้วเกือบครึ่ง

Share

ขณะที่หลายๆ ประเทศกำลังหวาดกลัวว่าเทคโนโลยี AI จะมาแย่งงานของมนุษย์ แต่ประเทศที่ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างญี่ปุ่นกลับคิดต่างไปเลย เพราะเขามองว่าการมี AI มาช่วยทำงานเป็นการแก้ปัญหาแรงงานได้ และญี่ปุ่นเองก็คุ้นเคยกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามจะนำเอาหุ่นยนต์มาทดแทนแรงงานมนุษย์ที่ขาดแคลนด้วยซ้ำ

สื่อ The Asahi Shimbun ได้ทำโพลสำรวจ 100 บริษัทชั้นนำในญี่ปุ่นราวกลางเดือนกรกฎาคม 2023 และได้ผลที่ชวนอึ้งมากว่า มี 41 บริษัทเริ่มใช้แล้ว และอีก 50 บริษัทกำลังจะเตรียมนำมาใช้ โดยใน 100 บริษัท มีเพียงแค่ 3 บริษัทเท่านั้นที่ไม่คิดจะใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ หรือคิดจะแบนมันไปเลย

เหตุผลของบริษัททั้งหมดที่ใช้หรือคิดจะใช้คือเหตุผลกว้างๆ อย่าง ‘การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน’ มีบริษัทที่คิดแบบนี้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการใช้พื้นฐานแบบ ‘การวิเคราะห์ข้อเขียน สรุปเนื้อหา และแก้ไขข้อความ’ นั้นเป็นเหตุผลอันดับ 2 ที่บริษัทจะใช้ AI โดยมีบริษัทคิดแบบนี้ถึง 64 เปอร์เซ็นต์ และเหตุผลอันดับ 3 ที่บริษัทถึง 61 เปอร์เซ็นต์ สนใจจะใช้ AI ทำก็คือ ‘การทำ Chatbot’ เพื่อตอบคำถามต่างๆ ทั้งสำหรับภายในและภายนอกบริษัท

แน่นอนว่าการใช้ AI ไม่ใช่ไม่มีความเสี่ยง ประเด็นอันดับหนึ่งที่บริษัทกลัวในการใช้ AI คือเรื่อง ‘ข้อมูลรั่ว’ ซึ่งสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประเด็นรองลงมาคือเรื่องที่ AI จะผลิต ‘ข้อมูลเท็จ’ ที่ 85 เปอร์เซ็นต์ และประเด็นที่กลัวอันดับ 3 คือประเด็นเกี่ยวกับการใช้ AI ว่าอาจทำให้มีการ ‘ละเมิดลิขสิทธิ์’ ได้ อยู่ที่ 74 เปอร์เซ็นต์

ส่วนคนที่สงสัยว่าเขาใช้ AI ทำอะไรบ้าง ก็มีตั้งแต่สรุปประชุม ช่วยเขียนเอกสาร ไปจนถึงช่วยผู้จัดการสั่งสินค้าต่างๆ ให้พอดีในแต่ละวัน จะเห็นได้ในกรณีของญี่ปุ่นนั้น AI ไม่ได้มา ‘แย่งงาน’ แบบที่เข้าใจกัน แต่มันมาช่วยทำงานเอกสารน่าเบื่อๆ จนถึงการช่วยเป็น ‘เพื่อนคู่คิด’ มากกว่า

และทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่น่าคิด เพราะจริงๆ แล้วมันก็ตลกร้ายมากที่หลายๆ ชาตินั้นด้านหนึ่งมันปวดหัวว่าสังคมกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และเกิดภาวะ ‘ขาดแคลนแรงงาน’ แต่ก็ดันไปกลัว AI จะมา ‘แย่งงานมนุษย์’ ทำ

ซึ่งสังคมขาดแคลนแรงงานอย่างญี่ปุ่นก็ทำให้เราเห็นแล้วว่า AI คือ ‘ทางออก’ มากกว่า ‘ปัญหา’

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/photo/?fbid=843833283971676&set=a.811136570574681