ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัว Innovation Hub Bangkok ศูนย์รวมนวัตกรรมโซลูชั่นและเทคโนโลยี รับตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศในหลายมิติ รวมถึงบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน สนับสนุนองค์กรต่างๆ ด้านความยั่งยืนทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต เดินหน้าสู่ดิจิทัลโซลูชั่นแบบครบวงจร
สเตฟาน นูสส์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และการเติบโตของอุปกรณ์ IOT (Internet of Things) ในปี 2563-2570 จะเติบโตเพิ่มเป็น 6 เท่า ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่หลายองค์กรต่างๆ เดินหน้ารับมือกับผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศทั่วโลก และในประเทศไทยนั้นมีเป้าหมายในปี พ.ศ.2573 ลดการปล่อยคาร์บอนลง 30% รวมถึง การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนต้องเป็น 30% รวมถึงเป็น Carbon neutral ในปี 2593 เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นเทคโนโลยีมีอยู่แล้วเพื่อทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นด้านพลังงาน รวมถึงถ้าใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะสามารถลดคาร์บอนได้ 70% โดยใช้เทคโนโลยีกับสถานที่ ตั้งแต่บ้าน อาคาร ศูนย์ข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนถึงอุตสาหกรรม ด้วยโซลูชั่นทั้งฮาร์ดแวร์คือ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ โดยใช้ซอฟต์แวร์ ในการมอนิเตอร์ และตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้เราสามารถควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่ารวมถึงช่วยในการประหยัดพลังงานได้ในระยะยาว และช่วยคาดการณ์การซ่อมบำรุงสามารถทำได้ง่ายขึ้นอย่างเป็นระบบ และเป็นสัดส่วนได้มากขึ้น รวมถึงตอบโจทย์การลดคาร์บอน และก๊าซเรือนกระจกสามารถจะคาดการณ์ และลดปริมาณการปล่อยได้อีกด้วย “การเปิดตัว Innovation Hub Bangkok มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคือ การสร้างความยั่งยืนให้กับโลก และธุรกิจ” นับเป็น Innovation Hub ที่รวมโซลูชันด้านดิจิทัล ตอบโจทย์ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น บ้าน โรงพยาบาล โรงแรม เครื่องจักร ตลอดถึงอุตสาหกรรมทุกขนาด เพื่อการทรานส์ฟอร์มสู่ระบบดิจิทัลให้กับธุรกิจที่ต้องการมุ่งไปสู่ความยั่งยืนได้ต่อไปทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมีความพร้อมที่จะให้คำปรึกษาในการปรับใช้ระบบการจัดการพลังงาน และระบบดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ ในการดำเนินงานขององค์กร ปัจจุบัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีพนักงาน และผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 130,000 คนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยมีพนักงาน และผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,500 คน ที่พร้อมตอบรับความต้องการขององค์กรต่างๆ ในการเข้าเยี่ยมชม Innovation Hub Bangkok จัดอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กรุงเทพฯ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อนำนวัตกรรม โซลูชั่นด้านดิจิทัลเพื่อนำไปปรับใช้ในองค์กร เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไป
โดย Innovation Hub Bangkok จัดแสดงโซลูชั่นสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมต่างๆ ครอบคลุม ที่อยู่อาศัย อาคาร โรงงานอุตสาหกรรม ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบกริด และอินฟาสตรัคเจอร์ต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมในทุกๆโซลูชั่นดังนี้
1.Homes of the Future นวัตกรรมสำหรับบ้านของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค โซลูชันโฮมออโตเมชั่น วัตถุประสงค์คือ ช่วยทำให้บ้านมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นพลังงานในบ้านที่รองรับอนาคต และปรับขนาดได้ตามใจชอบ ตามความต้องการของผู้ใช้งานในบ้าน ช่วยตรวจสอบ ควบคุม และทำงานอัตโนมัติ พร้อมช่วยประหยัดการใช้พลังงาน พร้อมกันนี้ ยังมีโซนนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สำหรับบ้าน อย่าง สวิตช์ไฟ เต้ารับ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ที่มาพร้อมความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นหลัก
2.Grids of the Future โซลูชั่นช่วยในการบริหารจัดการพลังงาน และกริดอัจฉริยะในแบบครบวงจร ทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ ยังมีมุมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด SM Airset สวิตช์เกียร์ (Switchgear) รุ่นใหม่ล่าสุดแบบโมดูลาร์ ไร้สาร SF6 ที่ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน
3.Industries of the Future เทคโนโลยีผสานรวมระหว่าง IT และ OT เข้าด้วยกัน มอบความยั่งยืนและยืดหยุ่นผ่านระบบอัตโนมัติ บนแพลตฟอร์มเปิด เน้นซอฟต์แวร์เป็นศูนย์กลาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ซึ่งมีตัวอย่างตัวต้นแบบการใช้งานโดยโรงงานของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซึ่งใช้โซลูชั่น และบริการ EcoStruxure™ รวมถึงเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่าง Modicon, Foxboro, Triconex, TeSys, Altivar และ Harmony รวมถึงซอฟต์แวร์ AVEVA
4.Data Centers of the Future นำเสนอโซลูชั่นตั้งแต่ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ไปจนถึงไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมรองรับการทำงานในรูปแบบเอดจ์คอมพิวติ้ง พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ ที่ช่วยรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เช่น การมอนิเตอร์ การควบคุมระยะไกล การควบคุมความเย็น และการไหลเวียนของอากาศ รวมถึงซอฟต์แวร์เฉพาะของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลในดาต้าเซ็นเตอร์ และเครือข่ายได้ทั้งหมด ช่วยรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจ และลดต้นทุนทางธุรกิจ
5.Buildings of the Future มาพร้อมเทคโนโลยีมาตรฐาน ระบบบ้านอัจฉริยะ และอาคารอัจฉริยะระดับมาตรฐานสากล (KNX) โดยสามารถเชื่อมต่อกับโซลูชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับอาคารได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้การออกแบบอาคารในการรองรับการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ อย่าง อาคาร และสำนักงาน ที่เน้นเรื่องการใช้งาน และประหยัดพลังงานเป็นหลัก มีความยืดหยุ่น ให้ข้อมูลเชิงลึก และการวิเคราะห์ค่าพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งในโซนออฟฟิศ และส่วนกลางได้อย่างครบวงจรในหนึ่งเดียว
นอกจากนี้ โซลูชันสำหรับอาคารของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจโรงแรม ที่เน้นความสะดวกสบาย และประสบการณ์ที่ดีของแขกที่เข้ามาพัก ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล สามารถใช้โซลูชันจัดการอาคารที่ออกแบบมาเพื่อเน้นความปลอดภัย และความอุ่นใจของคนไข้ สามารถรวมกับสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์อื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการ ห้องผ่าตัด ห้องพักผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถวิเคราะห์ และควบคุมการทำงานของระบบในแต่ละห้องได้ตามความต้องการได้ ซึ่งตอบโจทย์ต่อการใช้งานรวมถึงช่วยเปลี่ยนผ่านไปสู่ Net Zero ได้อย่างยั่งยืน
แหล่งข้อมูล