บริษัทวิจัยไอดีซี รายงานว่า Generative AI ไม่เพียงช่วยจัดการให้ระบบงานดำเนินไปอย่างอัตโนมัติ แต่ยังเพิ่มความเป็นอัจฉริยะให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่การนำเสนอสินค้าที่มีความเฉพาะกับแต่ละบุคคล ไปจนถึงการจัดการสินค้าในคลังอย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการปลดล็อคศักยภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ข้อมูลระบุด้วยว่า Generative AI มีส่วนสำคัญในการเสริมข้อได้เปรียบด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การคาดการณ์ความต้องการของตลาด รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้าประจำ โดยการนำข้อมูลของลูกค้ามาใช้ เช่น สินค้าที่พวกเขาซื้อ วิธีการเลือกสินค้า และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ธุรกิจสามารถปรับแต่งกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
เข้าถึงอินไซต์ ‘อีคอมเมิร์ซ’
หนึ่งในยูสเคสที่น่าสนใจและเกิดขึ้นจริงแล้วคือ ความร่วมมือระหว่าง อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส และ เอคอมเมิร์ซ (aCommerce) ซึ่งได้พัฒนาและเปิดให้บริการแพลตฟอร์มข้อมูลใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Generative AI เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับเครื่องมือหลักๆ ที่นำมาใช้เช่น ฟีเจอร์ ASKIQ ที่มาใช้ในชุดโปรแกรม Market Insights บนระบบ AWS Market Insights แพลตฟอร์ม SaaS ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกด้านการแข่งขันและประสิทธิภาพของหมวดหมู่สินค้าจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แก่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมไปถึง AskIQ แพลตฟอร์มข้อมูลอีคอมเมิร์ซแห่งแรกในภูมิภาคที่ใช้ Generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลให้กับผู้ขาย
จากความร่วมมือครั้งนี้ ช่วยให้แบรนด์กว่า 200 รายสามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจข้อมูลของคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส กล่าวว่า อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และผู้นำในอุตสาหกรรมต่างพึ่งพาเทคโนโลยีคลาวด์หากต้องการมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน โดยGenerative AI กำลังเปลี่ยนมุมมองและวิธีในการใช้ข้อมูล
ติดปีกบริการ ‘การเงิน’
อีกหนึ่งยูสเคสที่น่าสนใจคือ แอสเซนด์ มันนี่ (Ascend Money) ยูนิคอร์นด้านฟินเทครายแรกของประเทศไทย ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน “ทรูมันนี่” ที่กำลังผลักดันการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการใช้ AI
นอกจากงานด้านการประมวลผลข้อมูลทั้งภาพและวิดีโอเพื่อวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ยังได้เร่งการเข้าถึงบริการทางการเงินในภูมิภาคโดยใช้ Generative AI และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) บนคลาวด์ ทั้งได้ทดลองใช้ Amazon Q Developer ผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI สำหรับการเขียนโค้ดอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลา และสร้างระบบอัตโนมัติให้กับงานของวิศวกร เช่น การเขียนโค้ด เพิ่มผลิตภาพ และย่นระยะเวลาการพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้มากถึง 30%
ตามรายงาน “Accelerating AI Skills: Preparing the Asia-Pacific Workforce for Jobs of the Future” โดย AWS และ Access Partnership พบว่า กว่า 9 จาก 10 บริษัทด้านการเงินในประเทศไทยมีแผนที่จะใช้ AI ภายในปี 2571 โดยมุ่งหวังผลประโยชน์ในด้านนวัตกรรม ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น การทำงานอัตโนมัติ รวมถึงป้องกันการปลอมแปลงรายละเอียดส่วนบุคคลด้วยโมเดล AI ที่สามารถตรวจสอบคุณลักษณะใบหน้าได้ภายในไม่กี่วินาที เพื่อให้ลูกค้าที่ถูกต้องได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่น
มนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เผยว่า Generative AI และ Machine Learning ช่วยให้สามารถสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการต่างๆ เช่น การอนุมัติสินเชื่อแบบเรียลไทม์ และยกระดับการนำเสนอบริการบนทรูมันนี่
วัตสัน มีมุมมองว่า อุตสาหกรรมบริการทางการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วตามการพัฒนาของภูมิภาค ที่น่าสนใจพบว่าต่างหันมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อให้บริการแก่ชนชั้นกลางที่เติบโตขึ้น ด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครอบคลุมคือรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจ ช่วยปลดล็อกศักยภาพของประชากร ส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ และผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้ในระดับโลก
ยกระดับ ‘การเกษตร’
ขณะที่ แอ๊กซอน (AXONS) บริษัทเทคโนโลยีการเกษตร (AgriTech) ชั้นนำ นำเทคโนโลยีดิจิทัลหนุนเกษตรรายย่อย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ด้วยแอป FarmPro ที่พัฒนาบนเอดับบลิวเอสสามารถลดต้นทุนในการดำเนินงานด้านการเกษตรลง 20% และเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 60% ทั้งยังมีการสำรวจแนวทางผสานเทคโนโลยี AI และ MLเพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและเสนอคำแนะนำที่ตรงจุดต่อเกษตรกรรายย่อย
นอกจากนี้ แอ๊กซอน มีแผนที่จะทดลองใช้เทคโนโลยี Generative AI และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ขั้นสูง รวมถึง Amazon Bedrock บนระบบคลาวด์เพื่อสร้างบริการติดตามและพยากรณ์สภาพอากาศอย่างแม่นยำ ครอบคลุมทั้งอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน ลม และความชื้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูก ป้องกันความเสียหายจากสภาพอากาศ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในอนาคต ทั้งเทคโนโลยี AI และ ML จะถูกพัฒนาต่อยอดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพืชผล ช่วยให้เกษตรกรสามารถระบุและพยากรณ์โรคพืชหรือการระบาดของแมลงล่วงหน้า เกษตรกรสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ลดการสูญเสีย และเพิ่มผลกำไรจากการทำเกษตรกรรมโดยรวม
“อุตสาหกรรมการเกษตรกำลังปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น โดยมีความสามารถใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยีคลาวด์เป็นแรงผลักดันในการเพิ่มผลผลิต และ Generative AI ที่จะทำให้การทำเกษตรกรรมง่ายและมีกำไรมากขึ้นสำหรับทุกฝ่าย” วัตสัน กล่าว
แหล่งข้อมูล