ในปี 2359 แพทย์ชาวฝรั่งเศส René Laennec ได้คิดค้นเครื่องมือที่ช่วยให้แพทย์สามารถฟังหัวใจและปอดของมนุษย์ได้ อุปกรณ์ดังกล่าวคือ “หูฟังทางการแพทย์” (stethoscope) ซึ่งในที่สุดก็พัฒนาจากท่อไม้ธรรมดาๆ มาเป็นหูฟังแบบสองหูน้ำหนักเบาที่แพทย์ส่วนใหญ่สวมอยู่บนคอในปัจจุบัน
นับจากนั้น ก็มีพัฒนาการของอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชนิดนี้มาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจคือ Eko Health สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 กำลังนำ “หูฟังทางการแพทย์” เครื่องมือทางการแพทย์ที่แพร่หลายนี้มาสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI
“หูฟังทางการแพทย์ถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว แต่ยังคงเป็นสัญลักษณ์สากลในทางการแพทย์ นั่นเป็นเหตุผลที่เราคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาใหม่ เพื่อช่วยให้แพทย์ได้ยินได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในระหว่างการตรวจคนไข้ทุกครั้ง” Eko Health ระบุในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัท
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Eko Health ได้ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์นี้ให้กับแพทย์และผู้ให้บริการด้านสุขภาพมากกว่า 500,000 ราย เนื่องจากมีการใช้งานกับผู้ป่วยหลายล้านคน บริษัทจึงได้รวบรวมชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของเสียงหน้าอกและข้อมูลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ซึ่ง Eko Health ใช้ในการพัฒนาอัลกอริทึมต่างๆ สำหรับการตรวจจับสภาวะของหัวใจ โดยทีมงานได้ฝึกอบรมโปรแกรม AI โดยให้ฟังบันทึกของผู้ป่วยมากกว่า 100,000 รายและให้คอมพิวเตอร์ตีความกิจกรรมของหัวใจ เทคโนโลยีใหม่นี้สามารถบันทึกและวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของหัวใจได้ภายใน 10 ถึง 15 วินาที โดยสามารถตรวจจับสัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลวในช่วงแรกๆ และยากที่สุดที่จะตรวจพบ
“การตรวจโดยการใช้หูฟังทางการแแพทย์มีความไม่สอดคล้องกันและไม่ถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยล่าช้าหรือได้รับการวินิจฉัยผิดพลาด เราต้องการนำความแม่นยำมาใช้ AI ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่รวดเร็วและมีความแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้แพทย์ได้ยินเสียงร่างกายในระหว่างการสอบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แพทย์สามารถฟังแบบไร้สายผ่านเครื่องช่วยฟังหรือเอียร์บัดที่ใช้บลูทูธ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานแบบแฮนด์ฟรี” Connor Landgraf ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Eko Health กล่าว
Connor Landgraf อธิบายว่าการใช้หูฟังทางการแพทย์ตรวจฟังเสียงแบบดั้งเดิมนั้น แพทย์ไม่สามารถได้ยินความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างอาการที่บ่งบอกสุขภาพดีและอาการที่บ่งบอกสัญญาณร้ายของโรคได้เสมอไป “ด้วย AI ของเราแพทย์สามารถรวม (เสียงหัวใจ) เข้ากับการประเมินจังหวะการเต้นของหัวใจ จากนั้นให้ AI ตีความสิ่งนั้น จนเกือบจะมีทักษะของแพทย์หทัยวิทยา (cardiology) แม้จะเป็นหมอเวชปฏิบัติทั่วไป หรือแม้แต่ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพแนวหน้า ขณะเดียวกันหูฟังทางการแพทย์ AI นี้ ก็ขจัดเสียงรบกวนรอบข้างพร้อมกับการเพิ่มความดังของเสียง ทำให้แพทย์ฟังด้วยความมั่นใจ” เขากล่าว
นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกข้อมูลและบันทึกเสียงลงในไฟล์ของผู้ป่วย หรือแบ่งปันกับทีมบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้ความเห็นที่สอง หรือใช้การบันทึกนี้เป็นเครื่องมือการสอนได้ด้วย
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นวัตกรรมนี้ของ Eko Health ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ในการใช้ AI เพื่อช่วยตรวจจับสัญญาณแรกสุดของภาวะหัวใจล้มเหลวในระหว่างการตรวจสุขภาพตามปกติ ซึ่งเป็นอัลกอริทึมที่สามของบริษัทที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA
AI ของ Eko Health ได้รับการอนุมัติว่าสามารถตรวจจับเสียงพึมพำของหัวใจซึ่งอาจเป็นสัญญาณของลิ้นหัวใจผิดปกติ โดยการศึกษาของโรงพยาบาลทั่วไปแมสซาชูเซตส์พบว่า AI ของ Eko Health สามารถระบุผู้ป่วยโรคหัวใจได้มากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับการวินิจฉัยโดยหมอเวชปฏิบัติทั่วไป
ล่าสุด Eko Health ได้ระดมทุน Series D (ขั้นตอนที่สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งแล้วจะได้รับเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายการดำเนินงาน ขยายไปสู่ตลาดใหม่ ลงทุนในการวิจัยและพัฒนา และสร้างความแข็งแกร่งในตลาด ในขั้นตอนนี้ บริษัทได้พิสูจน์รูปแบบธุรกิจของตนแล้วและตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว) มูลค่า 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเม็ดเงินจาก ARTIS Ventures, Highland Capital Partners, NTTVC และ Questa Capital การเพิ่มทุนครั้งนี้ ทำให้บริษัทมีเงินทุนรวม 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การจัดหาเงินทุนใหม่จะนำไปใช้ในการฝึกอบรมอัลกอริทึม AI เพื่อตรวจจับสภาวะของปอด เช่น โรคหอบหืดและโรคปอดบวม รวมถึงการขายอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ร่วมกันให้กับแพทย์นอกสหรัฐอเมริกา
“ในบรรดาสิ่งที่ผมลงทุนไปทั้งหมด Eko Health อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่ใช้งานได้จริงมากที่สุด เพราะคุณสามารถใช้มันเพื่อเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อย่างง่ายดาย” Vasudev Bailey หุ้นส่วนของ ARTIS Ventures ซึ่งได้สูญเสียพ่อด้วยโรคหัวใจในวันเกิดปีที่ 11 ของเขา กล่าว
รายงานจาก Research and Markets ระบุว่าตลาดหูฟังทางการแพทย์ทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 949.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2573 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) 5.96% ในช่วงปี 2567 – 2573 โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงความนิยมในการใช้การแพทย์ทางไกลและการติดตามผู้ป่วยระยะไกลที่เพิ่มมากขึ้น
แหล่งข้อมูล
https://www.salika.co/2024/06/05/eko-health-stethoscope-ai-heart-disease/