เปิดตัวหุ่นยนต์ใหม่ Padu ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ชาร์จ 1 ครั้ง ทำงานได้ 8 ชม

Share

Loading

  • Pudu Robotics บริษัทหุ่นยนต์สัญชาติจีน เปิดตัวหุ่นยนต์อัจฉริยะกึ่งฮิวแมนนอยด์เอนกประสงค์ตัวแรกของบริษัท
  • แต่ทว่าสิ่งที่คล้ายมนุษย์นั้น เป็นเพียงแค่ท่อนบนของหุ่นยนต์ ตั้งแต่ท่อนล่างลงไปนั้น สร้างด้วยโครงสร้างแบบเสาเดียว มีล้อใช้ขับเคลื่อน
  • สำหรับใครที่สนใจ บริษัทยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตว่าจะมีกี่ตัวในโลก รวมไปถึงเรื่องราคาที่จะวางจำหน่าย

เปิดตัวหุ่นยนต์ใหม่ Padu ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการขับเคลื่อน มีคุณสมบัติใช้ช่วยงานมนุษย์โดยเฉพาะ ทำงานผ่านการชาร์จ โดยชาร์จเพียง 1 ครั้ง จะสามารถทำงานได้ 8 ชม. เลยทีเดียว

Pudu Robotics บริษัทหุ่นยนต์สัญชาติจีน เปิดตัวหุ่นยนต์อัจฉริยะกึ่งฮิวแมนนอยด์เอนกประสงค์ตัวแรกของบริษัท ในชื่อว่า Pudu D7 เป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะ สำหรับช่วยงานมนุษย์ แบ่งเบาภาระต่าง ๆได้

หุ่นยนต์กึ่งฮิวแมนนอยด์ตัวนี้ หุ่นยนต์ตัวนี้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์รุ่นแรกที่บริษัทพัฒนามา แต่ทว่าสิ่งที่คล้ายมนุษย์นั้น เป็นเพียงแค่ท่อนบนของหุ่นยนต์ เพราะตั้งแต่ท่อนล่างลงไปนั้น สร้างด้วยโครงสร้างแบบเสาเดียว โดยมีล้อสำหรับใช้ขับเคลื่อน

ทั้งนี้บริษัทยังเคลมอีกว่า หุ่นยนต์ Pudu D7 ตัวนี้ เหมาะสำหรับการช่วยงานที่ซับซ้อนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรม รวมไปถึงด้านบริการได้อีกด้วย การที่มีหุ่นยนต์ Pudu D7 นี้ ถือเป็นการก้าวหน้าของโซลูชั่นหุ่นยนต์ ในด้านการใช้งานเอกประสงค์รวมไปถึงช่วยเหลือมนุษย์เราให้ทำงานง่ายดายยิ่งขึ้น

สเปค Padu หุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI
  • สูง 165 เซนติเมตร
  • หนัก 45 กิโลกรัม
  • แขนไบโอนิคที่ทำมุมอิสระได้ 30 องศา
  • ยกน้ำหนักได้มากถึง 10 กิโลกรัม
  • ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
  • ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • เคลื่อนที่รอบทิศทางด้วยความเร็วสูงสุด 2 เมตร/วินาที

และอย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่าภายในของ Pudu D7 ตัวนี้ มีระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและโมเดล AI ขั้นสูง ทำให้หุ่นยนต์สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้ ทำงานได้หลากหลายมากกว่าเดิม และเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เช่น เคลื่อนย้ายและคัดแยกสิ่งของ รวมถึงกดปุ่มลิฟต์เพื่อไปชั้นต่าง ๆ ได้เอง

สุดท้ายสำหรับใครที่สนใจอยากจะจับ จะจองกัน ทางบริษัทยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตว่าจะมีกี่ตัวในโลก รวมไปถึงเรื่องราคาที่จะวางจำหน่าย ยังไงต้องรอติดตามกันต่อไป

แหล่งข้อมูล

https://www.springnews.co.th/digital-tech/technology/853093