ที่ผ่านมาเราอาจคุ้นเคยกับการที่ผู้พิการทางสายตาใช้ ไม้เท้าขาว หรือ สุนัขนำทาง แต่จะเป็นอย่างไรถ้ามีการพัฒนา แว่นตาอัจฉริยะ ช่วยนำทางด้วยเทคโนโลยีเดียวกับรถยนต์ไร้คนขับ
การเดินทาง ถือเป็นเรื่องยุ่งยากแก่ผู้พิการทางสายตาโดยเฉพาะการเดินเท้า ด้วยท้องถนนและทางเดินถูกออกแบบสำหรับคนทั่วไปคนกลุ่มนี้จึงประสบปัญหาในการใช้ชีวิต แม้จะมีการออกแบบอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อสนับสนุนออกมาให้ใช้งาน แต่หลายครั้งอุปกรณ์เหล่านั้นก็มีข้อจำกัดจนขาดความสะดวก
นี่จึงเป็นเหตุผลในการคิดค้นพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะที่ช่วยนำทางให้แก่ผู้พิการทางสายตา
แว่นตาอัจฉริยะนำทางด้วยเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ
ผลงานนี้เป็นของบริษัท .lumen สตาร์ทอัพสัญชาติโรมันเนีย กับการคิดค้นพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ อาศัยเทคโนโลยีระบบนำทางและตรวจสอบสภาพแวดล้อมของรถยนต์ไร้คนชับ สู่แว่นตาสวมหัวที่ช่วยนำทางผู้พิการทางสายตาสามารถเดินไปตามเส้นทางอย่างปลอดภัย
ตัวแว่นได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงใกล้เคียงกับแว่น VR มีการติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์ LiDAR ที่ถูกใช้งานในรถยนต์ไร้คนขับ ช่วยให้ระบุสภาพแวดล้อมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลผ่าน Pedestrian Autonomous Driving AI (PAD AI) กรรมสิทธิ์เฉพาะของบริษัท
ระบบนี้จะช่วยขึ้นโมเดลแผนที่ 3 มิติเสมือนจริงที่มีผู้ใช้งานเป็นจุดศูนย์กลางแบบเรียลไทม์ โดยสามารถวิเคราะห์วัตถุรอบข้างทั้งถนน ทางเท้า สิ่งกีดขวางในระดับความสูงต่างๆ พร้อมปรับทิศทางแบบเรียลไทม์ตามการหันหน้า จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาแจ้งเตือนผู้ใช้งานทั้งในรูปแบบเสียงและสัมผัส เพื่อให้สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวได้ดียิ่งขึ้น
แว่นตาอัจฉริยะถูกนำไปทดสอบการใช้งานร่วมกับผู้พิการทางสายตากว่า 300 คน จาก 30 ประเทศ พบว่า ผู้ใช้งานให้ผลตอบรับเชิงบวกอย่างล้นหลาม แว่นตาอัจฉริยะช่วยให้พวกเขาสามารถเดินไปมาภายในพื้นที่หลายรูปแบบ โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์อื่นหรือความช่วยเหลือจากภายนอก
เรียกว่าสำหรับผู้พิการทางสายตาหลายท่านนี่เปรียบเสมือนฝันที่เป็นจริงเลยทีเดียว
อนาคตของอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา สิ่งที่ทุกคนคิดถึงเป็นอันดับแรกๆ คือ ไม้เท้าขาว อุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้งานกันทั่วไป ในบางกรณีก็อาจพบเห็นสุนัขนำทางคอยช่วยเหลือ ไปจนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มีการออกแบบฟังก์ชันสนับสนุนผู้พิการจึงสามารถใช้ชีวิตความเป็นอยู่ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ช่วยเหลือมีข้อจำกัดในหลายด้าน ไม้เท้าต้องอาศัยความชำนาญในการใช้ สุนัขนำทางมีราคาสูงและมีข้อจำกัดในการเข้าถึงในบางพื้นที่ อุปกรณ์เหล่านี้ยังเน้นตรวจสิ่งกีดขวางบนพื้นจึงอาจเกิดปัญหากับสิ่งกีดขวางที่อยู่สูง อีกทั้งยังต้องอาศัยมือข้างหนึ่งในการคลำทางจึงขาดความคล่องตัวในการใช้งาน
แตกต่างจากแว่นตาอัจฉริยะที่เพียงนำไปสวมหัวก็พร้อมสำหรับการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องถือไว้ในมือแล้วอาศัยการสัมผัสบอกทาง ช่วยให้มือทั้งสองเป็นอิสระจึงมีความคล่องตัวในการใช้สูง ตัวระบบยังรองรับการตรวจจับเป็นแผนที่ 3 มิติ จึงแน่ใจได้ว่าจะตรวจพบสิ่งกีดขวางที่อยู่เหนือพื้นและแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้รู้ตัวล่วงหน้า
อีกหนึ่งจุดเด่นของแว่นอัจฉริยะคือ การนำเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับมาใช้งาน ไม่เพียงสภาพแวดล้อมหรือวัตถุที่อยู่นิ่งเท่านั้น ตัวแว่นยังสามารถตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวที่กำลังพุ่งเข้ามาได้เช่นกัน พร้อมทำการแจ้งเตือนผู้ใช้งานล่วงหน้า ทั้งขนาดและระดับความเร็วของวัตถุที่พุ่งมา ช่วยให้เกิดการตอบสนองและหลีกเลี่ยงอันตรายได้
ผู้ใช้งานสามารถรับรู้รายละเอียดของสิ่งแวดล้อมได้ ทั้งทิศทาง ขนาด และความเร็วของวัตถุนั้นๆ สามารถแสดงและแจ้งตำแหน่งของวัตถุที่ต้องการให้แก่ผู้ใช้งาน ในอนาคตพวกเขายังตั้งเป้าให้อุปกรณ์สามารถอ่านออกเสียงป้าย ฉลาก ไปจนรายละเอียดที่จับได้จากกล้องให้ฟัง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตอีกมาก
นี่จึงไม่ใช่เพียงอุปกรณ์ช่วยสนับสนุนการเดินทางแต่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการทางสายตาเลยทีเดียว
แน่นอนเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้พิการทางสายตาไม่ได้มีแค่แว่นตาอัจฉริยะ อุปกรณ์หลายชนิดถูกคิดค้นเพื่อสนับสนุนและเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เช่น NextGuide ไม้เท้านำทางอัจฉริยะ, AISee หูฟังระบุตำแหน่งวัตถุ, Unitree A1 หุ่นยนต์สุนัขนำทาง ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ฯลฯ
ที่เหลือคงต้องรอดูต่อไปว่าเทคโนโลยีใดจะได้รับการพัฒนาให้ออกมาใช้งานจริง
แหล่งข้อมูล