บพข. สนับสนุนการใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนา Smart City

Share

Loading

บพข. สนับสนุนการใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนา Smart City เพื่อรักษาความปลอดภัยและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย

ในโลกที่การเชื่อมต่อเป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ได้กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลายประเทศ และการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการจัดการข้อมูลในเมืองใหญ่คือกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและยั่งยืน ภูเก็ต สมาร์ทซิตี้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์นี้ ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มต้นในปี 2016 โดยมีการใช้ IoT และ AI ในการพัฒนา โดยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึง บพข. ซึ่งมีบทบาทในการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทุกวันนี้ กล้องวงจรปิด (CCTV) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในเมืองใหญ่ แต่การมีเพียงกล้องจำนวนมากไม่เพียงพอ เพราะการบริหารจัดการข้อมูลวิดีโอจำนวนมหาศาลจากกล้องเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพต่างหากที่ทำให้เมืองอัจฉริยะ (Smart City) สามารถดูแลความปลอดภัยและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างแท้จริง

ผศ.ดร.วรรณรัช สันติอมรทัต ที่ปรึกษาแผนงานดิจิทัลแพลตฟอร์ม หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เล่าถึงการพัฒนา “ภูเก็ต สมาร์ทซิตี้” ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนในจังหวัดภูเก็ต ด้วยการนำเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และเซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น ระบบตรวจมลภาวะทางอากาศ ตรวจคุณภาพน้ำ สถานีตรวจวัดสภาพอากาศ และสถานีตรวจวัดระดับน้ำท่วม มาผสานกับกล้องวงจรปิดที่ถูกติดตั้งทั่วเมือง เพื่อเฝ้าระวังและติดตามผู้กระทำผิด รวมถึงใช้เซ็นเซอร์ IoT ในถังขยะและ GPS ในรถเก็บขยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ ลดค่าใช้จ่ายและระยะทางในการดำเนินการ

เมื่อ AI เข้ามามีบทบาท เราก็เริ่มเห็นโอกาสในการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้อย่างเหมาะสม ไม่เพียงแค่การใช้ AI ในการวิเคราะห์หรือการจดจำใบหน้า แต่ยังสามารถใช้ AI เพื่อพัฒนา Smart City ได้มากขึ้น โดยเฉพาะการนำ Generative AI และ Machine Learning มาใช้ในแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งช่วยให้การพัฒนาเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่น่าสนใจคือ AI สามารถทำงานได้แม้กับข้อมูลขนาดเล็ก และไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลจำนวนมากเหมือนในอดีต เราสามารถใช้ข้อมูลจำลองหรือแม้แต่การสร้างโมเดลใหม่ๆ ซึ่งไม่จำกัดแค่ข้อมูลจากเซนเซอร์เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปฏิวัติที่น่าตื่นเต้นในโลกของ AI และเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา Smart City ให้ดียิ่งขึ้น

ผศ.ดร.วรรณรัช ยกตัวอย่างแพลตฟอร์ม IBOC ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะที่ใช้ IoT ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์และส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ โดยล่าสุดได้เพิ่มระบบ AI เข้ามาเสริมการทำงาน ทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น การล้ม การทะเลาะวิวาท การบุกรุก หรือการจราจรติดขัด แล้วแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์ ระบบนี้จึงมีประโยชน์อย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย และช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

“แพลตฟอร์มของเราถูกออกแบบมาเพื่อการตรวจจับเหตุการณ์โดยเฉพาะ แต่เราได้พัฒนาเพิ่มเติมด้วยการนำเทคโนโลยี AI และพารามิเตอร์ต่างๆ มาร่วมใช้งาน เพื่อให้สามารถตรวจจับได้ไม่เพียงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังสามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของวัตถุที่เราต้องการติดตามได้ด้วย นอกจากนี้ เราสามารถกำหนดพื้นที่หรือเหตุการณ์ที่ต้องการให้ระบบมุ่งเน้นไป โดยการใช้ข้อมูลที่เรามีในระบบ สิ่งที่เราภาคภูมิใจที่สุดคือการได้ร่วมพัฒนาระบบกับ System Integrator และลูกค้าหลายรายที่นำไปใช้งานจริง ระบบของเราได้รับการทดสอบในหลายๆ กรณี ซึ่งทำให้เราเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ทั้งการตรวจจับเหตุการณ์และการติดตามพฤติกรรมผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ความสามารถอันโดดเด่นของ IBOC
  • การตรวจจับป้ายทะเบียนรถ (License Plate Recognition) ระบุตัวรถที่กระทำผิดกฎจราจรได้อย่างแม่นยำ
  • การตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ (Anomaly Detection) สแกนหาเหตุการณ์ที่ผิดปกติ เช่น วัตถุต้องสงสัย หรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ
  • ระบบติดตามวัตถุ (Object Tracking) สั่งการให้กล้องในพื้นที่ที่กำหนดติดตามวัตถุเป้าหมายแบบเรียลไทม์
  • การปรับแต่งได้และความสามารถในการทำงานร่วมกัน (Customizable & Compatibility) สามารถกำหนดพื้นที่ที่ต้องการตรวจจับวัตถุหรือเหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจง และสามารถใช้งานร่วมกับกล้องวงจรปิด IP หรือระบบกล้องที่มีอยู่ขององค์กรได้ ซึ่ง Region of Interest หรือการกำหนดพื้นที่สนใจช่วยลดภาระการประมวลผลของ AI และช่วยให้การตรวจจับแม่นยำยิ่งขึ้น
  • การค้นหาข้อมูลย้อนหลัง (Historical Data Search) สามารถค้นหาข้อมูลในอดีตโดยอิงจากช่วงเวลาที่กำหนด

ปัจจุบันแพลตฟอร์ม IBOC ถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายพื้นที่ หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนคือการติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ซึ่งสามารถตรวจจับการจอดรถผิดกฎจราจรและการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ได้อย่างทันท่วงที

“หากสังเกตจากระบบที่เราได้ติดตั้งที่หน้าศูนย์การค้า Central World เรามีเลนส์และกล้องที่สามารถตรวจจับการจอดรถในพื้นที่นั้นๆ หากรถจอดนานเกินไป ระบบจะสามารถสังเกตได้ ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เราได้พัฒนาขึ้นมา นอกจากนี้ เรายังได้นำระบบนี้ไปใช้ในบางพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยของเมืองใหญ่ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น เช่น ภูเก็ตและนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นการทดสอบในกรณีจริงที่ได้รับผลตอบรับที่ดี”

เมืองอัจฉริยะเพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของทุกคน

จะเห็นได้ว่าเมืองอัจฉริยะไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่คือการบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า การทำงานร่วมกันของ IoT, AI และระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เมืองใหญ่สามารถรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน

“เราหวังว่าในอนาคต ระบบนี้จะสามารถนำไปใช้งานในหลายๆ ด้านได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น ทั้งในด้านการรักษาความปลอดภัยและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก”

แหล่งข้อมูล

https://www.salika.co/2025/02/26/smart-ai-digital-platform-pmuc/