มิติใหม่แห่งการเก็บข้อมูล ดาต้าเซ็นเตอร์บนดวงจันทร์

Share

Loading

ที่ผ่านมาหลายท่านคงรู้จักดาต้าเซ็นเตอร์กันมาบ้าง กับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญบนโลกดิจิทัล ล่าสุดเรากำลังจะล้ำไปอีกขั้นเมื่อมีการพัฒนา ดาต้าเซ็นเตอร์บนดวงจันทร์

ดาต้าเซ็นเตอร์ ศูนย์กลางในการจัดเก็บ ประมวลผล และแจกจ่ายข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน มีการใช้งานทั่วไปทั้งในองค์กรเอกชน ภาครัฐ หรือบริษัทที่ต้องการระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เรากำลังจะล้ำไปอีกขั้นเมื่อเรากำลังจะมีการจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์บนดวงจันทร์

สู่ดาต้าเซ็นเตอร์กลางอวกาศ

แนวคิดนี้เป็นของ Lonestar Data Holdings บริษัทสตาร์ทอัพด้านอวกาศจาก ฟลอริดา กับแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ขึ้นมาบนดวงจันทร์ โดยมีจุดหมายมุ่งเน้นไปในการเก็บรักษาและสงวนข้อมูลไว้ในพื้นที่ปลอดภัยให้ยาวนานที่สุด

ดาต้าเซ็นเตอร์บนดวงจันทร์นี้จะถูกตั้งชื่อว่า Freedom เป็นศูนย์จัดเก็บข้อมูลบนอวกาศและดวงจันทร์แห่งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยความร่วมมือกับบริษัท Space Florida และ Intuitive Machines อาศัยการต่อยอดเทคโนโลยีมาจากความสำเร็จในการบันทึกข้อมูลในสภาวะไร้น้ำหนักได้สำเร็จ

ตัวระบบไม่ได้มุ่งเน้นให้บริการเชื่อมต่อและประมวลผลเพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล แต่จะเน้นการเก็บรักษาความปลอดภัยข้อมูลในระยะยาว ดาต้าเซ็นเตอร์นี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนอวกาศ จึงมีขีดความสามารถผลิตพลังงานเพียงพอต่อการใช้งาน

จุดหมายสำคัญของการจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์บนดวงจันทร์ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่การปกป้องข้อมูลอันมีค่า อีกทั้งยังเป็นศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ให้แก่นักบินอวกาศโครงการ Artemis สำหรับช่วยจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ช่วยเพิ่มศักยภาพฐานปฏิบัติการบนดวงจันทร์ต่อไป นี่จึงถือเป็นดาต้าเซ็นเตอร์รุ่นใหม่ที่ถูกจัดสร้างไกลถึงดวงจันทร์

อนาคตแห่งดาต้าเซ็นเตอร์บนอวกาศ

ตามที่กล่าวไปข้างต้นจุดหมายหลักในการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์บนดวงจันทร์ เพื่อให้นักบินอวกาศนำมาใช้เก็บรักษาและประมวลผลงานวิจัยต่างๆ แต่จุดประสงค์ในการเก็บรักษาข้อมูลไว้ในที่ปลอดภัยไม่ใช่เรื่องใหม่ เมื่อที่ผ่านมาก็มีโครงการ Svalbard Global Seed Vault ห้องนิรภัยทำหน้าที่จัดเก็บเมล็ดพันธุ์แช่แข็งสำหรับใช้ในอนาคตเช่นกัน

การเก็บข้อมูลบนดวงจันทร์เกิดจากแนวคิดในการสำรองข้อมูลดิจิทัลสำคัญในพื้นที่ปิด ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์ ภัยพิบัติ หรือข้อพิพาททางภูมิรัฐศาสตร์ที่เสี่ยงต่อการทำให้ข้อมูลเกิดความเสียหาย เพื่อเก็บรักษารวบรวมข้อมูลสำคัญบนโลกในกรณีฉุกเฉิน

แนวคิดในการจัดสร้างดาต้าเซ็นเตอร์บนดวงจันทร์ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ นอกจากโครงการ Freedom ยังมีอีกหลายบริษัทที่ให้ความสนใจ เช่น Lumen Orbit ของสหรัฐฯ  และ Ascend ของสหภาพยุโรป ที่เริ่มให้ความสนใจและตั้งเป้าจะจัดสร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์บนอวกาศเช่นกัน

จุดเด่นสำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์บนอวกาศคือ การใช้พลังงาน ดาต้าเซ็นเตอร์ต้องใช้พลังงานสูงมากสำหรับหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ภายในระบบ ทั้งในส่วนอุปกรณ์ประมวลผลไปจนระบบระบายความร้อน ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมสูง โดยเฉพาะอัตราการปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก

เมื่อมีการผลักดันดาต้าเซ็นเตอร์ออกสู่อวกาศ พลังงานที่จะถูกนำมาใช้หล่อเลี้ยงคือพลังงานแสงอาทิตย์จากอวกาศโดยตรง ด้วยจุดเด่นในการผลิตพลังงานได้ตลอดเวลาไม่มีข้อจำกัดเหมือนบนพื้นโลก นอกจากเป็นการใช้พลังงานสะอาดเต็มรูปแบบ ยังลดภาระโครงสร้างพลังงานบนโลกอีกด้วย นั่นทำให้ในอนาคตดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้ส่งผ่านและประมวลผลข้อมูลอาจถูกส่งขึ้นสู่อวกาศก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามดาต้าเซ็นเตอร์บนอวกาศยังมีข้อจำกัดในหลายด้าน ทั้งความท้าทายทางวิศกรรม ค่าใช้จ่ายในการส่งขึ้นสู่อวกาศ การรับมือสภาพแวดล้อมรุนแรงบนอวกาศ ความยากลำบากในการซ่อมบำรุง การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างอวกาศและพื้นโลก รวมถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากดาวเคราะห์น้อยและอุกกาบาตในอวกาศที่ยังต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป

แหล่งข้อมูล

https://www.posttoday.com/smart-life/720116