- รายงานจาก Media Sustainability Project ในปี 2023 คิดเป็น มากกว่า 15% ของการรายงานข่าวทั่วโลก
- ในปี 2024 การรายงานข่าวด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นถึง 30% ทั่วโลก ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง
- ผลสำรวจจาก Pew Research Center พบว่า 61% ของชาวอเมริกันถือว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นที่สื่อควรให้ความสำคัญสูงสุด
- The Guardian รายงานว่า จำนวนผู้อ่านในหมวดสิ่งแวดล้อม ของตนเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
ในโลกที่กำลังเผชิญกับผลกระทบที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำลายสิ่งแวดล้อม และการลดทรัพยากร ความยั่งยืนจึงกลายเป็นประเด็นที่ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องรองอีกต่อไป แต่เป็นความเร่งด่วนที่โลกต้องเผชิญ และไม่แปลกใจที่ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมได้รับการกล่าวถึงในสื่อต่างๆ มากกว่าที่เคย
จากเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงไปจนถึงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในวงสนทนาสาธารณะ แต่ทำไมข่าวสารด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมถึงมีความสำคัญในตอนนี้มากกว่าเคย และสื่อมีบทบาทอย่างไรในการสร้างความเร่งด่วนนี้?
ข่าวด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ตามรายงานจาก Media Sustainability Project ในปี 2023 พบว่า ข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การทำลายป่า การขาดแคลนน้ำ มลพิษ และพลังงานทดแทน) คิดเป็น มากกว่า 15% ของการรายงานข่าวทั่วโลก ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจาก 8% เมื่อห้าปีก่อน
ในปี 2024 การรายงานข่าวด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นถึง 30% ทั่วโลก ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงและการเรียกร้องจากทางการให้มีการดำเนินการโดยเร็ว เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ วิกฤตสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นประเด็นที่ โดดเด่นมากกว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองทั่วไป
ในสหรัฐอเมริกา ผลสำรวจจาก Pew Research Center พบว่า 61% ของชาวอเมริกันถือว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นที่สื่อควรให้ความสำคัญสูงสุด เพิ่มขึ้นจาก 45% เมื่อห้าปีก่อน ในขณะที่ The Guardian รายงานว่า จำนวนผู้อ่านในหมวดสิ่งแวดล้อม ของตนเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
ผู้บริโภคอยากรู้มากขึ้น
การเพิ่มขึ้นของการครอบคลุมข่าวสารด้านสิ่งแวดล้อมไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจของสื่อเพียงอย่างเดียว แต่มาจาก ความต้องการของผู้บริโภค ที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสนใจของผู้คนในประเด็นด้านความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยจากการสำรวจในปี 2023 ของ The Reuters Institute for the Study of Journalism พบว่า
- 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม จากทั่วโลกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลงในลำดับความสำคัญของสาธารณชน ต่อความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม
- มากกว่า 50% ของผู้บริโภคข่าวในกลุ่มอายุทุกกลุ่ม (โดยเฉพาะ Gen Z และ Millennials) ระบุว่า พวกเขาติดตามข่าวสารเกี่ยวกับความยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
- 85% ของผู้คนในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น กล่าวว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับ ระดับมลพิษทางอากาศ ที่สูงในเมืองใหญ่ ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร ซึ่งทำให้ข่าวสารด้านสิ่งแวดล้อมในสื่อไทยได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงปี 2023
บทบาทของสื่อในการส่งเสริมความยั่งยืน
ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของการรายงานข่าวสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญ แต่การที่สื่อมวลชนช่วยให้ประชาชนได้รับข้อมูลและการศึกษาเกี่ยวกับประเด็นความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
การเน้นปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วนทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น
สื่อไม่เพียงแค่รายงานเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ยังเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการหาทางแก้ไขปัญหาด้วย ตัวอย่างเช่น
- การรายงานถึงจุดเปลี่ยนของภาวะโลกร้อน : การศึกษาจาก Nature Communications ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้ อุณหภูมิทั่วโลก สูงเกิน 1.5°C ภายในปี 2027 หากไม่มีการดำเนินการในทันที การรายงานข่าวประเภทนี้ที่แสดงให้เห็นถึง กรอบเวลาที่แคบ สำหรับการดำเนินการนั้นมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มการตระหนักรู้ถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
- ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่น : ในประเทศอย่าง ประเทศไทย สื่อมวลชนได้รายงานว่า จังหวัดทางภาคเหนือ กำลังเผชิญกับ ภัยแล้งรุนแรง ซึ่งมีผลกระทบต่อการเกษตรและเศรษฐกิจในท้องถิ่น โดยการรายงานนี้ได้แสดงให้เห็นถึง ความเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความมั่นคงทางอาหาร
กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย
นอกจากการให้ข้อมูลแก่ประชาชนแล้ว การรายงานข่าวของสื่อยังได้กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในนโยบายของรัฐบาลและการดำเนินการของบริษัทต่าง ๆ อีกด้วย ข่าวสารที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทั้งสองด้าน
- การห้ามใช้พลาสติกในประเทศไทย : ในปี 2020 สื่อไทยได้รายงานอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับคำมั่นของรัฐบาลในการลดขยะพลาสติก การรายงานดังกล่าวสร้าง แรงกดดันจากประชาชน ซึ่งทำให้มีการบังคับใช้การห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในปี 2021
- ความรับผิดชอบของภาคธุรกิจ : สื่อมวลชนยังได้เผยแพร่เรื่องราวการกระทำที่ไม่รับผิดชอบของบริษัทต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการรายงานเชิงสืบสวนและการเปิดเผยข้อมูล เช่น ในเรื่องของน้ำมันปาล์ม หรือการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งผลักดันให้บริษัทต่างๆ เช่น Zara และ H&M ต้องให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2040
บทบาทของโซเชียลมีเดีย
นอกจากสื่อมวลชนดั้งเดิมแล้ว โซเชียลมีเดียก็กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญในการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Twitter, Instagram, และ TikTok ทำให้การเคลื่อนไหวด้านความยั่งยืนและความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อมสามารถกลายเป็นกระแสได้อย่างรวดเร็ว
- การเคลื่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมในโซเชียลมีเดีย : แฮชแท็กต่าง ๆ เช่น #FridaysForFuture, #ClimateStrike, และ #SaveTheAmazon ได้รวมตัวผู้ติดตามหลายล้านคนทั่วโลก ทำให้ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมีการเผยแพร่ที่กว้างขวาง
- การมีส่วนร่วมของเยาวชน : ด้วย มากกว่า 40% ของผู้ใช้งาน TikTok ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี นักเคลื่อนไหวเยาวชนจึงได้ใช้โซเชียลมีเดียในการเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ทรงพลัง เช่น Greta Thunberg และการเคลื่อนไหว #ClimateAction ได้ส่งผลให้ผู้คนหลายล้านคนเรียกร้องให้รัฐบาลและอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ
ทศวรรษที่เปลี่ยนแปลง ความท้าทายและโอกาส
แม้การให้ความสำคัญกับข่าวสิ่งแวดล้อมจะเป็นเรื่องดี แต่ก็ยังมีความท้าทาย เช่น การเผยแพร่ข้อมูลผิด การขาดความเชี่ยวชาญ และการแบ่งแยกทางการเมืองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจทำให้การทำความเข้าใจในประเด็นนี้เป็นเรื่องยาก จากการศึกษาของ Carbon Brief ในปี 2019 พบว่า 44% ของสื่อ ยังคงลดทอนหรือทำให้วิทยาศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดูคลุมเครือ แม้ว่าหลักฐานจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนก็ตาม
แต่ปัญหานี้ก็เปิดโอกาสให้สื่อสามารถ นำนวัตกรรมมาใช้ ในการรายงานข่าวสิ่งแวดล้อม การทำข่าวสืบสวน การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ และการใช้ข้อมูลในการเล่าเรื่องสามารถช่วยให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีขึ้น
แหล่งข้อมูล