- SMR ยังมีต้นทุนเริ่มต้นสูง และการพัฒนาเทคโนโลยียังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และในส่วนของการจัดการเชื้อเพลิงใช้แล้วนั้นต้องมีแผนรองรับกากนิวเคลียร์ ที่สำคัญคือการยอมรับจากสังคม ในประเด็นที่ผู้คนอาจกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและอุบัติเหตุ
- ปัจจุบันมี เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor – SMR) หลายรุ่นที่ได้รับความสนใจและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง หนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นคือ ACP100 หรือที่รู้จักในชื่อ Linglong One
- ความนิยมและการยอมรับในแต่ละรุ่นของ SMR อาจแตกต่างกันไปตามความต้องการและนโยบายพลังงานของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้พัฒนาให้ความสำคัญในการออกแบบและดำเนินงาน
เหตุผลด้านความเสี่ยงและความปลอดภัยในการใช้พลังงานนิวเคลียร์ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ที่มีความสำคัญสุดยอด แม้จะมีความต้องการความมั่นคงด้านพลังงาน ร่วมกับการหันมาใช้พลังงานสะอาด เพื่อเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในทิศทางของโลกเพื่อสู้ภัยกับอันตรายของ Climate Change แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องนำมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน ก่อนที่จะมี “ผู้เปลี่ยนเกมในโลกแห่งพลังงานสะอาด”
จากข้อมูลตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับใหม่ระบุ จะมีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นอยู่ที่ 51% ส่วนใหญ่เป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซธรรมชาติ 40% และไฮโดรเจน 5% ส่วนการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านจะรวมอยู่ในสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดโครงการริเริ่มนำร่อง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ SMR- Small Modular Reactor มาใช้โดย กฟผ. ที่ระบุผ่านเว็บไซต์ว่า เมื่อทิศทางของโลกมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality โรงไฟฟ้า SMR จึงกลายเป็นที่จับตามอง โดยคาดหมายว่า SMR จะเป็นทางออกของพลังงานสะอาดที่จะมาแทนที่โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต
และระบุถึง เทรนด์โลกสู่ทิศทางพลังงานไทย ว่าเมื่อทั่วโลกตื่นตัวและหาทางออกของปัญหาโลกร้อนร่วมกัน แต่การเดินหน้าสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ไม่สามารถพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนเพียงอย่างเดียวได้ ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ PDP2024 จึงได้บรรจุ SMR ขนาดกำลังผลิต 300 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โรงไฟฟ้า เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ไปพร้อมกับความมั่นคงทางพลังงาน
และจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เอกชนขนาดใหญ่หลายรายมีแนวคิดหรือสนใจในการดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยี SMR เพื่อให้บริการเองนั้น ทำให้แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานได้ออกมาชี้แจงว่า การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จะต้องมีการกำหนดมาตรฐาน ดังนั้น
“การจะลงทุนเทคโนโลยีนิวเคลียร์หรือการนำเข้ามาจะต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบของกฎระเบียบด้านความปลอดภัย”
โดยสิ่งที่ยากที่สุดคือการทำความเข้าใจกับภาคประชาชน และอีกสิ่งสำคัญคือ การจะนำเทคโนโลยีนิวเคียร์เข้ามาจะต้องขออนุมัติจากสถาบันด้านมาตรฐานด้านพลังงานโลก ซึ่งจะต้องดูความพร้อมก่อนที่จะมีโรงงานนิวเคลียร์ ดังนั้น การจะสร้างโรงไฟฟ้าจึงควรเป็นระดับประเทศก่อนแล้วค่อยเป็นไปในระดับพาณิชย์
นอกจากนี้ การจะลงถึงระดับพาณิชย์ได้แปลว่า ผ่านมาตรฐานระดับประเทศแล้ว ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยก่อน คือ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) และสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ซึ่งจะต้องเข้าไปหารือ
และเหตุผลอีกข้อที่สำคัญคือ หากให้กฟผ.นำร่องในโครงการ SMR รัฐบาลสามารถสั่งได้ หากเอกชนทำเองเมื่อเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย รัฐบาลอาจสั่งให้หยุดเดินเครื่องไม่ได้
ดังนั้น หาก กฟผ. ดำเนินการ แล้ว ปส.รายงานว่าไม่ปลอดภัย สำนักงาน กกพ. เข้าตรวจสอบพบว่าก็จะต้องหยุดเดินเตรื่องทันที ก็สามารถทำได้ จึงมองว่าในเรื่องของการขอติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เอกชนเองอาจยังไม่รู้อะไรอีกหลายอย่าง จึงควรหารือกับภาครัฐให้ตกผลึกก่อน แต่เวลานี้ตนยังไม่แน่ใจว่าเอกชนมีการหารือรอบด้านแค่ไหน
ทำความเข้าใจเรื่อง SMR กันต่อเกี่ยวกับข้อกังวลและข้อจำกัดต่างๆ
เริ่มจาก SMR ยังมีต้นทุนเริ่มต้นสูง และการพัฒนาเทคโนโลยียังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และในส่วนของการจัดการเชื้อเพลิงใช้แล้วนั้นต้องมีแผนรองรับกากนิวเคลียร์ ที่สำคัญคือการยอมรับจากสังคม ในประเด็นที่ผู้คนอาจกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและอุบัติเหตุ
กำลังการผลิตของ SMR (Small Modular Reactor)
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ SMR โดยทั่วไปมีกำลังการผลิตระหว่าง 10 – 300 เมกะวัตต์ (MW) ต่อเครื่องปฏิกรณ์ ซึ่งน้อยกว่าการผลิตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่มักมีกำลังการผลิต 1,000 – 1,600 MW ต่อเครื่องปฏิกรณ์
ประเภทของ SMR ตามกำลังการผลิต
1.Microreactor (10-50 MW)
- ขนาดเล็กมาก ใช้พลังงานสนับสนุนพื้นที่ห่างไกล ฐานทัพ หรือสถานีวิจัย
- เช่น eVinci (Westinghouse), Aurora (Oklo)
2.SMR ขนาดเล็ก (50-150 MW)
- ใช้สำหรับชุมชนขนาดเล็ก หรือโรงงานอุตสาหกรรม
- เช่น RITM-200 (รัสเซีย), Nuscale Power Module (สหรัฐฯ)
3.SMR ขนาดกลาง (150-300 MW)
- สามารถใช้ในระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลักแทนโรงไฟฟ้าฟอสซิล
- เช่น BWRX-300 (GE Hitachi), CAREM (อาร์เจนตินา)
ในปัจจุบันมี เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor – SMR) หลายรุ่นที่ได้รับความสนใจและมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง หนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นคือ ACP100 หรือที่รู้จักในชื่อ Linglong One พัฒนาโดยบริษัท China National Nuclear Corporation (CNNC) ซึ่งเป็น SMR เชิงพาณิชย์เครื่องแรกของโลกตั้งอยู่บนเกาะไหหลำ มณฑลไห่หนานของจีน มีกำลังการผลิต 125 เมกะวัตต์ (MW) ด้วยคุณสมบัติเด่นคือ
- การออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน เช่น การผลิตไฟฟ้า การให้ความร้อน การผลิตไอน้ำ และการแยกเกลือออกจากน้ำทะเล
- ใช้ระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety Systems) ที่ไม่ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานภายนอก ทำให้เพิ่มความปลอดภัยในการดำเนินงาน
- มีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 58 เดือน และคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบหลังจากนั้น
นอกจาก ACP100 แล้ว ยังมี SMR รุ่นอื่น ๆ ที่ได้รับความสนใจในระดับสากล เช่น
- NuScale Power Module: พัฒนาโดยบริษัท NuScale Power ในสหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิตประมาณ 60 MW ต่อโมดูล และได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกำกับดูแลนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ (NRC) ในด้านความปลอดภัย
- BWRX-300: พัฒนาโดย GE Hitachi Nuclear Energy เป็นเครื่องปฏิกรณ์น้ำเดือดขนาดเล็กที่มีกำลังการผลิต 300 MW และได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงและต้นทุนการก่อสร้างที่ลดลง
ทั้งนี้ ความนิยมและการยอมรับในแต่ละรุ่นของ SMR อาจแตกต่างกันไปตามความต้องการและนโยบายพลังงานของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้พัฒนาให้ความสำคัญในการออกแบบและดำเนินงาน
ความเสี่ยงและข้อควรพิจารณา
แม้ว่า SMR จะมีความปลอดภัยสูง แต่ความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการยอมรับและการนำไปใช้ และอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของการจัดการกากกัมมันตรังสี ที่แม้ SMR จะมีปริมาณน้อยกว่า แต่การจัดการกากกัมมันตรังสียังคงเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ
และถึงแม้ว่าการออกแบบของ Small Modular Reactors (SMRs) จะมีความพยายามในการเพิ่มความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ แต่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้ในบางกรณี คือ
1.การระบายความร้อนและการหลอมละลายของแกนกลาง
แม้ว่า SMR จะได้รับการออกแบบให้มีระบบระบายความร้อนที่เป็นอัตโนมัติและใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อลดความเสี่ยงในการหลอมละลายของแกนกลาง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงในกรณีที่ระบบระบายความร้อนเกิดความล้มเหลว เช่น หากระบบป้องกันการหลอมละลายล้มเหลว หรือเกิดข้อบกพร่องในระบบระบายความร้อนอัตโนมัติ
2.ความเสี่ยงจากกากกัมมันตรังสี
แม้ว่า SMR จะมีขนาดเล็กและมีการจัดการกากกัมมันตรังสีที่ดีขึ้น แต่การจัดการกับขยะกัมมันตรังสียังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเคร่งครัด การรั่วไหลหรือการจัดเก็บที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมได้
3.ผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
SMR ยังสามารถประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม หรือแผ่นดินไหว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าได้ แม้ว่า SMR จะได้รับการออกแบบให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถตัดความเสี่ยงได้อย่างสมบูรณ์
4.อุบัติเหตุจากการบำรุงรักษาและการจัดการ
ในขณะที่ SMR มีระบบที่ออกแบบมาเพื่อให้การดำเนินการมีความสะดวกและปลอดภัย แต่การบำรุงรักษาหรือการตรวจสอบยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากข้อผิดพลาดของมนุษย์หรือจากการบำรุงรักษาที่ไม่ครบถ้วน
5.อุบัติเหตุจากความผิดพลาดทางเทคนิคหรือการออกแบบ
อุบัติเหตุที่อาจเกิดจากข้อผิดพลาดทางเทคนิค เช่น ข้อบกพร่องในการออกแบบ หรือความผิดพลาดจากการผลิตที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ระบบรักษาความปลอดภัยไม่สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง
ด้านกรีนพีซ ประเทศไทย ก็ได้เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการนำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) มาใช้ในประเทศ โดยมีข้อสังเกตดังนี้
- ความไม่แน่นอนของเทคโนโลยี: SMR ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้รับการทดสอบและพิสูจน์อย่างเพียงพอ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
- การจัดการกากกัมมันตรังสี: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการจัดเก็บกากกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างปลอดภัยในระยะยาว ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
- ต้นทุนสูงและความเสี่ยงทางการเงิน: การลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์มีต้นทุนสูง ทั้งในด้านการก่อสร้าง การรักษาความปลอดภัย และการจัดการกากกัมมันตรังสี ซึ่งอาจเป็นภาระทางการเงินต่อประเทศ
หมายเหตุ: ข้อมูลจากเว็บไซต์คณะกรรมการกิจการพลังงาน
จากข้อมูลสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยย้อนหลัง 11 ปี (2012-2022) ของทั้ง 30 ประเทศทั่วโลก โดย World Nuclear Association พบว่าแต่ละประเทศมีการใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์เป็นสัดส่วนของการผลิตไฟฟ้าในประเทศ ดังนี้
กลุ่มที่ 1 France มาเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 71%
กลุ่มที่ 2 Slovakia, Ukraine, Hungary, Belgium อยู่ที่ 46-54%
กลุ่มที่ 3 Slovenia, Sweden, Czech Republic, Bulgaria, Switzerland, Finland, Armenia, Korea อยู่ที่ 28-37%
กลุ่มที่ 4 Spain, USA, Russia, Romania, China, UK, Canada, Germany อยู่ที่ 12-20%
กลุ่มที่ 5 Pakistan, South Africa, Argentina, Mexico, Japan, Netherlands, India, Brazil, Belarus, Iran, Arab Emirates อยู่ที่ 1-7%
สรุปคือ แม้ว่าเทคโนโลยี SMR จะได้รับการออกแบบโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย แต่ยังคงมีการพัฒนาและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และต้องมีการจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงการดำเนินงาน
แหล่งข้อมูล