จัดไปเต็มสปีด! อุตฯ ‘ยานยนต์’ กำลังเร่งเครื่องใช้ ‘Gen AI’

Share

Loading

อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นจากทั่วโลก ที่น่าจับตามองอย่างมากคือ การนำเทคโนโลยี AI และ Generative AI มาใช้ในหลากหลายด้านของการดำเนินงาน

อรรณพ ศิริติกุล ผู้อำนวยการ Google Cloud ประเทศไทย เปิดมุมมองว่าความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงต้นทุนที่สูงขึ้น และความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน ผู้ผลิตรถยนต์จึงเร่งนำเทคโนโลยีคลาวด์ และ AI มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มที่

ปี 2024 ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเริ่มนำ AI และ generative AI (gen AI) มาใช้ในหลากหลายด้านของการดำเนินงาน โดยก้าวข้ามขั้นตอนการทดลองไปสู่การใช้เพื่อผลลัพธ์จริง ขณะที่ในปี 2025 นี้ การนำ AI มาประยุกต์ใช้จะขยายตัวอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างกลไกการเติบโตใหม่ๆ ให้กับธุรกิจต่อไป

5 ‘แนวโน้ม’ สำคัญที่จะมาปฏิวัติวิธีการออกแบบ การผลิต การขาย และประสบการณ์วงการรถยนต์ในอนาคต

1.การดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วย gen AI จะช่วยเทอร์โบชาร์จประสิทธิภาพ  

ปีนี้ ปัญญาประดิษฐ์จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญในกระบวนการหลังบ้าน อาทิ การใช้ AI เพื่อดึงข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจากแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการควบคุมคุณภาพในส่วนอื่นๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ยังสามารถใช้เครื่องมือการจำลองภาพที่ขับเคลื่อนด้วย Gen AI เพื่อจำลอง และประเมินการออกแบบได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาโมเดลรถยนต์และนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วยิ่งขึ้นในต้นทุนที่ต่ำลง

ส่วนของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นั้นจะมีการนำ AI มาใช้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและประสบการณ์ของลูกค้า โดยเครื่องมือค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย gen AI ภายในองค์กรนั้นจะช่วยให้ช่างเทคนิคสามารถเร่งและสร้างกระบวนการแก้ปัญหาแบบอัตโนมัติสำหรับการติดต่อทั่วไปที่พบได้บ่อย

เช่น การแก้ไขปัญหา การนัดเวลาเพื่อตรวจสอบ การซ่อมบำรุง การทดลองขับ รวมไปถึงการสั่งอะไหล่ทดแทน นอกจากนี้ ความสามารถในการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ยังจะช่วยระบุปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทำให้สามารถมั่นใจว่ารถของคุณจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้อีกด้วย

2.การซื้อรถจะกลายเป็นเรื่องง่ายและไร้รอยต่อด้วย gen AI

AI จะยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อรถไปอีกขั้น โดยในปัจจุบันกระบวนการซื้อรถหนึ่งคันมักจะต้องอาศัยทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ที่มีระบบกระจัดกระจาย ซึ่งทำให้ประสบการณ์การซื้อเป็นไปแบบยุ่งเหยิง

โดย Gen AI จะเข้ามาช่วยลดปัญหาดังกล่าวด้วยการสร้างระบบการซื้อขายที่ไร้รอยต่อ ตั้งแต่ในช่วงสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ไปจนถึงบริการหลังการขาย

แบรนด์รถยนต์ที่สามารถสร้างประสบการณ์การติดต่อสื่อสารที่ไร้รอยต่อได้ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์จะสามารถก้าวขึ้นมาโดดเด่นในอุตสาหกรรมนี้ รักษาความสัมพันธ์ที่มั่นคงและยาวนานกับลูกค้าไว้ได้ และก้าวนำคู่แข่งได้อย่างแน่นอน

3.Multimodal AI agents นำไปสู่ยุคใหม่ของการขับขี่

ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการใช้ multimodal AI agents หรือตัวแทน AI ที่สามารถรับรู้และประมวลผลข้อมูลจากหลายรูปแบบพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์การสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์มีความเหมาะสมกับแต่ละบุคคลและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่

multimodal AI agent สามารถทำความเข้าใจและตอบสนองต่อข้อมูลหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ เสียง หรือรูปภาพ ซึ่งแตกต่างจากระบบผู้ช่วยในรถยนต์แบบดั้งเดิม ลองจินตนาการถึงตัวแทน AI ที่สามารถใช้กล้องในการตรวจสอบสภาวะของผู้ขับขี่ และแจ้งเตือนได้ทันทีหากตรวจพบอาการง่วงนอน หรือเมื่อผู้ขับไม่มีสมาธิในการขับขี่ นอกจากนี้ ตัวแทน AI ยังสามารถใช้ข้อมูลภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการนำทาง โดยให้คำแนะนำที่ละเอียด และเกี่ยวข้องกับบริบทมากขึ้นได้อีกด้วย

4.ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย gen AI เสริมสร้างการขับขี่ปลอดภัย

เมื่อรถยนต์เริ่มกลายเป็นสิ่งที่ “ถูกกำหนดโดยซอฟต์แวร์” มากขึ้น (เช่น การเชื่อมต่อหรือแม้กระทั่งการขับขี่อัตโนมัติ) ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ

ในปี 2025 นี้ gen AI จะกลายเป็นอาวุธสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมยานยนต์ในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ใหม่ๆ และที่จะขึ้นในอนาคต

โดยสามารถตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยและจุดอ่อนได้อย่างทันที ซึ่งจะช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับรถยนต์ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค โดยระบบการป้องกันนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีความโดดเด่น และช่วยพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าในยุคที่ความปลอดภัยดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความอุ่นใจที่เหนือกว่าให้กับผู้ขับขี่

5.จุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อุปทานที่ชาญฉลาด

สุดท้ายนี้ ห่วงโซ่อุปทานอันอัจฉริยะถือเป็นสัญลักษณ์ของห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น เนื่องจากจะสามารถปรับตัวได้ดีต่อสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากต้องเผชิญกับความซับซ้อนใหม่ ๆ และการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนในการเคลื่อนไหวของตลาด

เครื่องมือที่ใช้ในการคาดการณ์ซึ่งขับเคลื่อนด้วย gen AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งรวมไปถึงแนวโน้มในอดีต ข้อมูลเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ และปัจจัยภายนอก

เช่น รูปแบบของสภาพอากาศ เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และปรับตารางการผลิตล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถลดความเสี่ยง ลดต้นทุน เพิ่มความคล่องตัว และเสริมแกร่งให้ความร่วมมือในระบบซัพพลายเออร์ทั้งหมดได้

เทคโนโลยีคลาวด์ และ AI กำลังเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของการออกแบบ การผลิต การขาย และประสบการณ์ของลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งนับเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม

ผู้ผลิตรถยนต์ที่ยอมรับและพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วย AI และ gen AI จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ และสามารถปรับกระบวนการการทำงานให้มีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาความปลอดภัยของข้อมูลไว้ได้ ซึ่งจะทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ และประสบความสำเร็จในปี 2025 และในอนาคตข้างหน้า

แหล่งข้อมูล

https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1170250